แล้วใช้เเสียบลงไปในหนังสือ เมื่อไปถูกเอาหน้าไหนแกก็จะอ่านคำทำนายจากข้อเขียนในหน้านั้นให้ฟังและให้ซักถามปัญหาแกก็จะพูดต่อไปได้เรื่อยๆถึงชะตาชีวิตและวิธีแก้ไข วิชานี้แถวบ้านผมเรียกกันว่า "แทงศาตรา" คงจำไม่ผิด ยายเปี่ยมนี้แกมีลักษณะโหงวเฮ้งดี สูง ยาว ขาว แบบนักปราชญ์พื้นบ้าน ใครได้พบเห็นแล้วน่าเชื่อถือ
อีกคนหนึ่งคือแม่ผมเอง นางเจียม ยืนยง แกจะเอาวันเดือนปีเกิดมาคำนวณแล้วตัดเศษออกมา (เป็นตำราของงสมเด็จฯพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ร.๔ ) แล้วก็ทำนายจากเศษนั้น และอีกคนหนึ่งที่จะต้องพูดถึงคือครูบูรณ์ (ครู สมบูรณ์ ทินนิมิตร ) แกจะจดเวลาตกฟากของเด็กในละแวกนั้น ไว้ทุกคน แล้วแกสามารถนับเรื่องวงศ์ศาคณาญาติได้หมด ใครลูกใครหลานใคร เกี่ยวกับพี่น้องใครมั่ง ย้ายไปอยู่ตำบลไหน จังหวัดไหน ขอเอาแค่นี้ ทุกคนที่กล่าวมาก็ตายไปนานแล้ว
การพยากรณ์ ที่เคยเจอบ่อยอีกอย่างคือการดูลายมือ ผมเองก็ชอบดูลายมือตั้งแต่วัยรุ่นแล้ว และก็กว้านซื้อตำราไว้เยอะพอสมควรตอนหลังผมก็ไม่ได้ดูทิ้งตำราไว้บ้านพี่ชาย พี่ชายผมเดี๋ยวนี้ก็เป็นหมอดูเต็มตัวโด่งดังพอสมควรทั้งเลข ๗ ตัวและ ลายมือ แต่พี่ชายผมก็ดูลายมือชำนาญมาตั้งนานแล้ว โดยเฉพาะการดูว่าเด็กที่ไปคัดเลือกทหารว่าติดทหารหรือไม่ สามารถฟันธงได้เลยว่าติดไม่ติด ติดแล้วเป็นผลัดไหนไม่มีพลาด ปัจจุบันนีพี่ผมก็ใช้จิตสำผัสในการดูด้วย และมีเพื่อนสนิทผมเล่าให้ฟังว่าเจอชาวญี่ปุ่นคนนึงมาทำงานเมืองไทย สามารถทำนายได้ว่าใครมีลูกไไม่มีลูก หญิงชายกี่คน แม่นเหมือนจับวางเช่นกัน ผมว่าวิชาพยากรณ์ยังไงก็มีเสน่ห์ดีนะครับ ใครดูหมอได้นี่มีคนอยากรู้จักเยอะแต่ก็วุ่นวายน่ากลัวเหมือนกันเพราะผมเองก็เคยเจอมาแล้ว ไม่พักได้ทำไรดีครับ จนได้เลิกไป ทำงานประจำดีกว่าเยอะปลอดภัยไม่ยุ่งยากมากมาย
อีกเรื่องคือการทำนายเรื่องฝนฟ้าที่จะตกในแต่ละปี ซึ่งที่บ้านผมก็มีสมุดข่อยที่ทำจากเปลือกข่อยจริงๆ แบ่งคาบเวลาเป็น ๑๒๐ ปี เรียกว่าปีเอกศก โทศก ...ถึงทวาศศก ปีชวดถึงกุน ๑๒ นกษัตริย์ ก็ได้ ๑๒๐ ปีพอดี แล้วเขียนไว้ชัดเจนเรื่องฝนว่าปีไหนมาช้ามาเร็ว (แต่ผมอ่านไม่ค่อยออกเป็นภาษาไทยโบราณ )จะเข้าทางไหน จะให้ไถ นา ดำนา หว่านกล้าช่วงเวลาไหน หมอดูบางคนก็แม่น เหมือนมีตาทิพย์ แต่ผู้คนส่วนมากก็จำๆกันมา จะหาหมอดูที่แม่นๆจริงก็ยากเย็นแสนเข็ญอยู่ อีกอย่างเรื่องราวในสมัยก่อนก็ไม่มากมาย ซับซ้อนพิศดารนัก ไม่เหมือนปัจจุบันที่การปรุงแต่งเพิ่มขึ้นมากมาย แต่ก็อาจมีเค้าโคลงเดิมอยู่
ผมชอบหลักการณ์โหราศาสตร์แนวโลกธาตุของอาจารย์ สำราญ หรือ ส.แสงตะวัน ท่านบอกว่าเรื่องดวงดาวที่ดูๆกันทุกวันนั้นมันเป็นดาราศาสตรไปแล้ว แทบไม่เกี่ยวกับเรื่องโหราศาสตร์ซึ่งเป็นระบบธาตุ ผมเคยไปดูหมอที่บ้านท่านๆ ไม่ได้เขียนว่าดูดวง แต่เขียนนป้ายไว้ว่า "รับปรึกษาปัญหาชีวิต " แต่ส่วนใหญ่ก็ดูดวง และก็บอกแนวทางแก้ปัญหาชีวิต โดยใช้ปัญญา จากประสบการณ์ชีวิตที่สั่งสมมาด้วย ท่านเขียนแนวทางโหราศาสตร์ไทยไว้น่าสนใจยิ่ง แต่บอกไว้แค่นิดหน่อย ให้พอได้งงเล่น ดังนี้
หลักวิชาโหราศาสตร์ไทย ฉบับ ส.แสงตะวัน
๑). มีสามฐาน คือ มูลฐาน - รากฐาน - พื้นฐาน
๒) มีสี่ภพ ๓) สี่ภูมิ ๔) สี่ภาค ๕.) เก้าชั้น ๖) ราหูหกตับ ๘ ภาค ๗) สิบหมววดฤกษ์
ซื้อหนังสือที่ท่านเขียนมาเล่มนึง และดูข้อเขียนจากหนังสือโหราเวสม์หลายร้อยเล่มก็เจออยู่แค่นี้ไม่มีรายละเอียดใดๆ ซึ่งท่านก็บอกเอาไว้แค่นี้ แล้วก็มีเขียนเรื่องฤกษ์ เรื่องดาวคู่ฤกษ์ เรื่องดวงแบบทั่วๆไปที่จะบอกลึกๆก็ไม่มี เคยไปหาที่บ้านขอเป็นศิษย์ก็ไม่รับ ท่านบอกว่ามีลูกศิษย์คนนึงอยู่หาดใหญ่พอแล้วไม่รับเพิ่ม ถ้าเรียนกับท่านก้ห้ามจด ต้องฝึกอย่างเดียวฯลฯ เคยเอาดวงผู้หญิงคนหนึ่งให้ดู แม่นเป๊ะเลย เสียดายท่านเสียชีวิตไปหลายปีแล้ว
อาจารย์ ส.แสงตะวันท่านบอกว่าหากต้องการรู้วิชาโหราศาสตร์ไทยแบบลึกซึ้ง ต้องไปทำความเข้าใจกับการสร้าง " ดวงเมืองไทย" เมื่อวันที่ ๒๓ เมย. ๒๓๒๕ เวลารุ่งเช้า ๙ บาท ลางฤกษ์ มาณพน้อยใส่หมวกเหล็ก ให้ทะลุปรุโปร่ง และต้องเข้าใจเวลาจริงให้ได้ ไม่ใช่รู้จักแต่เวลานาฬิกา ซึ่งถือว่ายังไม่เข้าใจโหราศาสตร์ ท่านว่าไว้นะครับไม่ใชผมว่า
สวัสดีครับ.
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น