พลังธรรมชาติบำบัด

เรื่องพลังธรรมชาติบำบัดนี้ นี้ผมลอกมาจากของ อจ. สมพล สุวรรณ ซึ่งเป็น   อจ.สอนผมที่แผนกอีเลคทรอนิค เทคโนฯสงขลา และได้เอามาจัดรูปแบบ และเพิ่มรูปภาพเพื่อให้มีสีสรร แต่ยังคงตัวอักษรเดิมๆไว้ทุกตัวนะครับ (อัปเดท 21 ตค. 55 ได้ไปเจออาจารย์ด้วยตัวเองในงานเลี้ยงเกษียณอายุราชการ อาจารย์ยังแข็งแรงฟิตปั๋ง ท่านว่าสมรรถภาพท่านเทียบเท่าเด็กหนุ่ม ) ต้องดูเอาเองตามในรูปตอนงานเลี้ยงฯ หน้าแผนกฯ ครับ
                                                                                         
                                                                                     ปรีดี ยืนยง      อีเลคฯรุ่น 15
                                                     
       
        ต้นฉบับเดิมจาก    http://eng.rmutsv.ac.th/en/Menu15/15th_Elec/sompon.htm
     
        เอกสารประกอบการอบรม : สมาธิและพลังบำบัดเพื่อสุขภาพ
        แก่...คณะทัวร์ระโนด 95 วันที่ 18 ตุลาคม 2545
        35 ปี อิเล็กเทคโน สงขลา วันที่ 26 ตุลาคม 2545
                                            อาจารย์สมพล สุวรรณ

                 
    พลังธรรมชาติบำบัด


ภาพจากบล็อกเก่า 108dee.blogspot.com
นับตั้งแต่เผ่าพันธุ์มนุษย์ปรากฏขึ้นมาบนโลก เราไม่มีหมอมาคอยรักษา ไม่ว่าจะเป็นแพทย์แผนปัจจุบัน แพทย์ทางเลือกหรือแพทย์แผนอื่นใด การที่เผ่าพันธุ์มนุษย์สามารถอยู่รอดมาได้ย่อมแสดงว่า พลังบำบัดมีจริง แสดงให้เห็นว่า เรานี่แหละเป็นหมอของตัวเอง โดยปล่อยให้ร่างกายบำบัดตัวเอง ร่างกายรู้อยู่แล้วว่าจะทำอย่างไร เราต้องเชื่อมั่นอย่างยิ่งว่าพวกเราในสังคมจะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงไปสู่การบำบัดที่แท้จริงได้ หากเราทุกคนยอมรับและเข้าใจในความสัมพันธ์เชิงเอื้อเฟื้อระหว่างกาย ใจ และจิตวิญญาณ

หลักการของธรรมชาติบำบัดมี 3 ประการคือ กินอาหารให้ถูกต้องและเหมาะสมตามแต่ระยะของสุขภาพ
ล้างพิษจากร่างกาย ใจ และจิตวิญญาณปรับกายและใจสู่ดุลยภาพ

สรุประบบบำบัดในเชิงปฏิกิริยาที่สำคัญ ๆ มีดังนี้
1. การบำบัดเป็นสมรรถนะที่ติดตัวมากับสิ่งมีชีวิต นับตั้งแต่เกิดโดยถาวร ดีเอ็นเอ มีข้อมูลทุกอย่างที่ จำเป็นในการผลิตเอนไซม์ เพื่อซ่อมแซมตัวเอง
2. ระบบบำบัดดำเนินอยู่อย่างต่อเนื่อง และพร้อมเสมอที่จะถูกเรียกใช้งาน
3.ระบบบำบัดมีความสามารถเชิงวินิจฉัย มันสามารถประเมินถึงความผิดปกติที่เกิดขึ้นเองได้
4. ระบบบำบัดสามารถกำจัดการก่อรูปที่ผิดปกติทิ้งเองได้ และก่อรูปโครงสร้างปกติขึ้นทดแทน


การเพิ่มประสิทธิภาพให้แก่ระบบบำบัด
1. กินอาหารให้ถูกส่วนและเพียงพอและไม่เหลือเป็นขยะในร่างกาย
2. ทำให้ระบบไหลเวียนโลหิตดีขึ้น
3. ทำให้ระบบหายใจดีขึ้น
4. หลีกเลี่ยงสารพิษหรือมลพิษต่าง ๆ
5. วางระดับจิตใจ อารมณ์ให้ราบเรียบ ไม่เครียด

หลักปฏิบัติในชีวิตประจำวัน เพื่อสร้างพลังบำบัดซึ่งนำไปสู่การมีสุขภาพที่ดี

1. ดื่มน้ำ 5แก้ว ก่อนอาหารเช้าและดื่มตลอดวันจนกว่าปัสสาวะใส
2 ฝึกลมปราณในท่าบู๊ตึ้ง เช้า 10 รอบ เย็น 10 รอบ
3 ฝึกเป่าลมหายใจแล้วปิดปาก ตลอดวันพยายามทำให้มากครั้งที่สุด
4 ฝึกลมปราณในเคล็ด ลึก กลั้น เกร็ง ให้มากที่สุดตลอดวัน
5 หลีกเลี่ยงการรับประทานน้ำตาลทรายและขนมหวาน
6 แกว่งแขนตอนเช้า 300 ครั้ง และตอนเย็น 300 ครั้ง
7 นวดเท้าตอนเช้า(ตามหลัก 4 ข้อ) 10 นาที และนวดเท้าตอนเย็น 10 นาทีอย่านวดขณะอิ่มและหลังเที่ยงคืน เพื่อกระตุ้นอวัยวะภายใน
8 นวดมือตลอดวัน เพื่อกระตุ้นอวัยวะภายใน อย่านวขณอิ่ม
9 นวดหูตลอดวัน เพื่อกระตุ้นอวัยวะภายใน
10 ตบทั่วตัวอาจจะด้วยมือหรือผ้าชุบน้ำให้หมาด เพื่อเร่งกระแสโลหิตให้ไหลเวียนดีขึ้น
11 ทานผลไม้ที่ย่อยง่ายชนิดเดียว เช่น กล้วย มะละกอ ตลอด 24 ชม. จาก 7โมงเข้าถึง 7โมงเช้าอีกวัน 15วัน ต่อครั้ง เพื่อล้างระบบย่อย
12 สวนทวารด้วยน้ำกาแฟ 3 วัน ต่อครั้งเพื่อปลดปล่อยสารพิษ
13 ทุกมื้อของอาหารพยายามให้มีผักหรือผลไม้ 30% ของทุกมื้อ
14 ดื่มน้ำปัสสาวะของตัวเองทุกเช้าประมาณครึ่งแก้ว และควรจะเป็นปัสสาวะแรกของเช้านั้น
15 ออกกำลังกายตอนเช้า โดยวิธีต่าง ๆ ตามถนัดให้ได้ประมาณ 30 นาที เพื่อขับสารพิษออกทางเหงื่อ และเพื่อสร้างพลังกล้ามเนื้อและบริหารโครงกระดูก
16 ฝึกวางอารมณ์ให้ราบเรียบ ไม่เครียด ฝึกมองโลกในแง่ดี

17. นอนให้หัวต่ำกว่าเท้าวันละ 10-20
นาที เพื่อให้เลือดมาเลี้ยงสมองและ กระตุ้นต่อมพิทูอิทารี่และเป็นการชล อความแก่
18. อมเกลือก่อนนอนและตอนเช้า ควรจะเป็นเกลือเม็ด เพื่อให้ฟันทน
19. ควรมีชาสมุนไพรดื่มหมุนเวียนทุกวัน เช่น ตะไคร้ ขิง ข่า ไมยลาภ ส้มแขก ใบหม่อน กระชาย ดอกคำฝอย ฯลฯ
20. บริหารโครงกระดูกโดยใช้แป้นหมุนหรือรำกระบอ
21. ควรเดินเท้าเปล่าบ้าง
22. ให้ระลึกเสมอว่ามนุษย์เราเป็นสัตว์กินพืช เพราะพืชจะไปกระตุ้นให้บักเตเรียประจำถิ่นในลำไส้ของเราทำงานในทางสร้างสรรสุขภาพที่ดีให้แก่เรา
23. สร้างสรรค์สุขภาพที่ดีให้แกเรา
24. ถ้าชอบดื่มเบียร์ ก็ให้ดื่มเบียร์ขวดเขียว
25. ต้องหาหนังสือเหล่านี้อ่านให้ได้ เรื่อง ชาติภาพ ข้ามภพ ข้ามเวลามาหารัก ชีวิตระหว่างภพ เพื่อพัฒนาจิตใจและจิตวิญญาณ

26.  เตะส้นเท้าให้ถึงก้นข้างละ 30 ครั้ง

27. บริหารข้อต่าง ๆ ทุกวัน เช่น ข้อมือ ข้อศอก ข้อไหล่ ข้อเข่า ข้อเท้า
28. ชั่งน้ำหนักของตัวเองทุกวันเพื่อประเมินสุขภาพและปริมาณขยะในร่างกายให้ระลึกเสมอว่ากินอาหารเข้าไปเท่าไหร่ต้องใช้ให้หมด
29. เน้นสร้างเสริมสุขภาพและป้องกันโรค อย่าเน้นรักษาโรค
30. ฝึกโยคะ ฝึกไทเก็ก ฝึกรำมวยจีน ฝึกรำกระบอง ให้เน้นที่ลมหายใจ
31. ฝึกเดินและวิ่งแบบลมปราณ ตอนเช้า โดยให้เป่าลมหายใจให้ยาวแล้วสูดให้ลึกไปตลอดเวลาจะไม่เหนื่อย
32. ใช้สันฝ่ามือถูหางคิ้วทุกวันหลังอาบน้ำเพื่อลดตีนกา
33. สูตรผักประจำวัน ตะไคร้ ขิง กระเทียม หั่นให้ละเอียด โรยบนอาหารทุกมื้อ อาจจะเพิ่มผักปลอดสารพิษตามชอบ
34. หาโอกาสฝึกลมปราณใต้ต้นไม้บ้าง
35. ค้นคว้าหาความรู้เกี่ยวกับสุขภาพบ้าง เช่น หนังสือชีวจิตของ ดร.สาทิส พลังบำบัดของนายแพทย์แอนดรูไวล์ และธรรมชาติบำบัดของนายแพทย์บรรจบ ชุณหสวัสดิกุล 36. ฝึกอัดจักระทั้ง 7 เพื่อให้พลังจากภายนอกเข้าสู่กายละเอียด
38. อาบน้ำ โดยใช้ใยบวบถูตัว
39. การทำให้กระแสโลหิตไหลเวียนดีขึ้น โดยใช้หลักการความแตกต่างของอุณหภูมิ เช่น ล้างหน้า ตอนเช้า ล้างเท้าก่อนนอน เท้าแช่น้ำอุ่น อาบน้ำแบบรดท่อน ถูมือให้ร้อย ผ้าเย็นเช็ดหน้า 40. ฝึกการนวดตัวเองทั่วตัว เพื่อเร่งให้กระแสโลหิตไหลดีขึ้น
41. การล้างพิษแบบชาวบ้าน โดยใช้ใบชุมเห็ดดื่มแทนชา 15 วัน/ครั้ง
42. การฝึกลมปราณให้กับเด็กทารกและเด็กอ่อน
43. ร้องเพลงหรือสวดมนต์เพราะคนที่เครียดร้องเพลงไม่ได้
44. เคี้ยวอาหารให้ละเอียด และช้า ๆ เพื่อประหยัดพลังงาน และจะได้ไม่รับประทานอาหารเกินความจำเป็น
 45. ให้ทานบอระเพ็ดทุกวัน วันละ 2-3 ข้อนิ้ว อนุมูลอิสระและแหล่งที่มา อนุมูลอิสระ คือ สิ่งที่ร่างกายจะต้องขับออก เพื่อปลอดปล่อยภาระให้แก่ร่างกาย ทำให้พลังบำบัดมีประสิทธิภาพสูงขึ้น อนุมูลอิสระมีแหล่งที่มาได้ 2 ทาง คือ จาก ภายนอกและจากภายในร่างกายของเราเอง


อนุมูลอิสระจากภายนอก  ที่เข้ามาสู่ร่างกาย
อาหารปิ้ง ย่าง ทอดจนเกรียมจัด
สารเคมีในอาหาร สารแต่งสี แต่งกลิ่น สารกันบูด
ยาที่กินเข้าไป
ยาฆ่าหญ้า ฆ่าแมลง
โลหะหนักและควันพิษ
กรดไขมันไม่อิ่มตัว ทำปฏิกิริยากับอ๊อกซิเจน กระบวนการหืนของน้ำมัน
กรดไขมันไม่อิ่มตัวถูกความร้อนจัด ๆ กรณีของการทอดอาหารในน้ำมันซ้ำ เช่น ปาท่องโก๋
เขม่า ควันไฟ ควันบุหรี่
รังสีเอกซ์ และรังสีแกมมา
สารเคมีบำบัดที่ทำปฏิกิริยากับเซลล์มะเร็งและเซลล์ร่างกาย
อนุมูลอิสระยังเกิดขึ้นภายในร่างกายของคนเรา
ทุกวินาทีที่เรากินอาหาร ย่อยอาหาร
การเผาผลาญอาหารเป็นพลังงาน
ทุกเวลาที่ออกกำลังกาย
เวลาที่เซลล์ร่างกายถูกคุกคามจากเชื้อโรค มีการอักเสบ
ความเร่งรัด เคร่งเครียด เป็นการเพิ่มอัตราการเผาผลาญ ยิ่งเพิ่มการสร้างอนุมูลอิสระ อนุมูลอิสระเหล่านี้ถือว่าเป็นสารพิษที่ร่างกายต้องการขับออก อาการเหล่านี้เช่น มึน ซึม ปวดเมื่อยตัว อ่อนเพลีย ไม่กระปรี้กระเปร่า ไม่มีเรี่ยวแรง คือ ภาวะที่ร่างกายเริ่มสะสมสารพิษ

การล้างพิษ แบบอด 1 วัน มี 4 ระดับ
ระดับที่ 1 ชั้นอนุบาล อดด้วยผลไม้
ใช้วิธีกินผลไม้ชนิดเดียวตลอดวัน ควรเลือกผลไม้ที่ไม่หวานจัด เช่น กล้วยน้ำว้า  ฝรั่ง ส้ม ส้มโอ ชมพู่ มะม่วง แอบเปิ้ล สาลี่ แคนตาลูป แตงโม จะเลือกกินชนิดใดก็กินแต่ชนิดนั้นไปตลอดวันเท่าที่ร่างกายต้องการ
ระดับที่ 2 ชั้นประถม อดด้วยน้ำผลไม้
ดื่มแค่น้ำผลไม้ ชนิดเดียวตลอดวัน ผลไม้ที่เลือกอยู่ในกลุ่มเดียวกันกรณีแรก เพื่อจะได้ไม่ ต้องกินกาก
ระดับที่ 3 ชั้นมัธยม อดด้วยน้ำเปล่าดื่มน้ำเปล่าเท่าที่ร่างกายต้องการตลอดวันที่อด
ระดับที่ 4 ชั้นมหาวิทยาลัย อดโดยไม่กินไม่ดื่มให้ระลึกเสมอว่าแพทย์แผนปัจจุบันที่ปฏิบัติกันอยู่ทุกวันนี้ เป็นเพียงมิติเดียวของภาพรวมเท่านั้น และมีจุดอ่อนคือ ราคาแพง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในยามที่เศรษฐกิจถดถอย บริการไม่ทั่วถึงไม่อาจใช้ได้ในวงกว้าง มีลักษณะที่ต้องพึ่งพิงไม่สิ้นสุด และแฝงไว้ด้วยลักษณะการแพทย์เชิงพาณิชย์ ขาดความเท่าเทียมกันในความสัมพันธ์ระหว่างผู้ให้และผู้รับบริการ
พลังบำบัด (Power therapy) ก็เป็นมิติหนึ่งของแพทย์ทางเลือก บิดาแห่งแพทย์ทางเลือกคือ ฮิปโปเครตีส กล่าวว่า “เราทุกคนมีแพทย์ประจำกาย เราเพียงแต่ส่งเสริมเขาสักหน่อย ก็รักษาโรคของเราได้”ฮิปโปเครตีส ได้กำหนดการบำบัดแบบธรรมชาติไว้ว่าต้องไม่ทำอันตราย



จงปล่อยให้พลังแห่งการบำบัดของธรรมชาติเป็นผู้เยียวยารักษาอาการให้เราตระหนักไว้เสมอว่า
ร่างกายเองต้องการมีสุขภาพที่ดีอยู่แล้ว ร่างกายนั้นเป็นองค์รวมเราไม่อาจแบ่งแยกร่างกายและจิตใจออกจากกันได้ ทุกคนมีศักยภาพแห่งพลังบำบัดธรรมชาติอยู่ในตัวแล้วทั้งนั้น
เราอาจจะกล่าวได้ว่า ถ้าโรคใดแพทย์แผนปัจจุบันไม่ถนัด ก็อย่าไปหาแพทย์แผนปัจจุบัน ถ้าโรคใดแพทย์ทางเลือกไม่ถนัด ก็อย่าไปหาแพทย์ทางเลือก
ยกตัวอย่างโรคร้ายไข้เจ็บ เพื่อพิจารณาว่าควรจะหาแพทย์ทางใด เช่น ภูมิแพ้ ความดันสูง โรคหัวใจ เบาหวาน มะเร็งบางชนิด สิว ฝ้า ปวดเมื่อย ไม่มีเรี่ยวแรง หมดพลังทางเพศ หืด หอบ ปวดหัว ฯลฯ โรคเหล่านี้ควรจะเลือกไปหาแพทย์ทางเลือก ส่วนแผลที่ผิวร่างกายจากของมีคม หรือจากอุบัติเหตุ แพ้สารอาหารอย่างเฉียบพลัน อาการป่วยที่เกิดจากไวรัสจากภายนอกเข้ามาสู่ร่างกาย เช่น ไข้มาลาเรีย โรคเหล่านี้ควรจะเลือกไปหาแพทย์แผนปัจจุบัน

ด้วยความปรารถนาดี
สมพล สุวรรณ
0-1541-0111
จัดทำใหมโดย ปรีดี ยืนยง อีเลคฯ รุ่น 15 เทคโนสงขลา

ดร.ก้องภพเตือนภัยพิบัติ

ดร.ก้องภพ อยู่เย็น  บอกว่าปี่ 2012 ไม่ใช่ปีอวสานโลก แต่อันตรายที่สุดจะอย่ที่ปี 2013 จากข่าวกะปุกดอทคอม บอกว่า 2013 ระบบสุริยะวิปริต อวสานโลก  http://hilight.kapook.com/view/54736


ดร.ก้องภพ ให้ดูภาพเกี่ยวกับโลก ทางช้างเผือก ระบบสุริยะ และกาแล็กซี่ของโลก พร้อมระบุสิ่งที่จะพูดต่อจากนี้เป็นความเห็นส่วนตัวจากการศึกษาและรวบรวม หลักฐานทางวิทยาศาสตร์ ไม่เกี่ยวข้องกับองค์การนาซาที่กำลังทำงานอยู่ และเขาบอกว่า ปี 2556 หรือ ค.ศ.2013  เป็นปีที่จะเกิดโนวาการระเบิดที่มีพลังงานมากที่สุด มันจะปลดปล่อยพลังงาน มหาศาล เพราะมีแนวโน้มว่าปฏิกิริยาพระอาทิตย์จะขึ้นสูงสุดในต้นปี 2013 นี้ และเกิดการพลิกกลับขั้วของแกนแม่เหล็กโลก ทำให้เกิดทั้งความร้อนสูงและการหดตัวของระบบสุริยะ


                                       [ แสงเหนือหรือแสงออโรร่า ลำแสงประหลาด ผลกระทบจากพายุสุริยะ]

ช่วงนั้นดวงอาทิตย์โคจร ตัดผ่านทางช้างเผือกในทุก ๆ 33-35 ล้านปีพอดี ซึ่งทางช้างเผือกมีมวลของดาว 2,000-4,000 ล้านดวง หากเกิดการบีบหดตัว ดวง ดาวและอุกกาบาตบางส่วนจะกระเด็นเข้ามาในระบบสุริยะ ซึ่งเมื่อ 35 ล้านปีที่ แล้วเป็นช่วงที่มีอุกกาบาตเข้ามาเยอะ แต่ความเสี่ยงจะมากกว่า 10 เท่า ในปี 2013

"ตลอดระยะเวลา 10-20 ปีที่ผ่านมา นักวิทยาศาสตร์ชาวรัสเซียทำงานองค์การอวกาศรัสเซียเทียบเท่านาซา สำรวจระบบสุริยะ พบมีการเปลี่ยนแปลงขอบด้านนอกสุดของระบบสุริยะ โดยวัดปริมาณความสว่างสูง ขึ้น 1,000% มีอะไรบางอย่างผิดปกติเกิดขึ้น เชื่อว่ามีพลังงานบางอย่างเข้ามาในระบบสุริยะ นาซาเองก็พบการเปลี่ยนแปลง เช่นกัน ภาพถ่ายจากดาวเทียม Imax ที่โคจรรอบโลก ปรากฏพลังงานที่เล็ดลอดเข้ามาในะบบสุริยะ เดินทางด้วยความเร็วสูง แนวที่มี พลังงานรั่วใกล้กับทางช้างเผือก แล้วยังค้นพบว่า เมื่อวัดแกนพลังงานนี้มี การเปลี่ยนแปลงตลอดเวลาในระยะ 6 เดือน ไม่ใช่ลักษณะค่อยเป็นค่อยไป นี่เป็นสิ่งที่นอกเหนือการคาดการณ์ของนักวิทยาศาสตร์"

 ดร.ก้องภพ ให้ข้อมูลอีกว่า นอกจากรายงานของนาซายืนยัน การบินอวกาศยุโรปยังมีภาพแบบร่างพลังงานสนามแม่เหล็กขนาดใหญ่และความร้อนสูงมากเคลื่อนตัวเข้าหาดวงอาทิตย์ แล้วยังมีข่าวอย่างเป็นทางการระบุการบีบอัดของชั้นขอบนอกระบบสุริยะ จะทำให้พลังงานรังสีคอสมิกเข้ามาในระบบสุริยะมากเป็นพิเศษ ส่งผลกระทบต่อสภาพภูมิอากาศบนโลก

นอกจากนี้ มีหลักฐานแสดงให้เห็นดวงอาทิตย์มีปฏิกริยาสูงสุดในรอบ 8,000 ปี และการที่นาซาส่งดาวเทียมโคจรที่ขอบด้านนอกเพื่อวัดความดันลมสุริยะช่วงปี 2547-2551 พบว่า ความเร็วลมสุริยะลดลงมาก ผลจากพลังงานบางอย่างเข้ามาบีบอัดลมสุริยะให้ลดลง สอดรับกับข่าวล่าสุดยืน ยันมีการเปลี่ยนแปลงด้านนอกสุดของระบบสุริยะ ส่งผลให้ความเร็วลมสุริยะลดลง 20 กิโลเมตรต่อวินาที ตั้งแต่เดือนสิงหาคม ปี 2550 เป็นต้นมา และในตอนนี้ดาวเทียมวัดความเร็วลมสุริยะพบว่าลดลงถึง 0 แล้ว เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเร็วกว่าที่คาดการณ์ถึง 4 ปี


"ดวงอาทิตย์มีวัฏจักร ทุก ๆ 11 ปี จะมีการพลิกกลับขั้วของสนามแม่เหล็กและเป็นช่วงที่เกราะป้องกันดวงอาทิตย์ ต่ำสุด คาดการณ์ว่าจะเกิดปี 2013 หรืออีก 3 ปีข้างหน้า ส่งผลให้เกิดภัยพิบัติรุนแรง จากการสำรวจของดาวเทียม ช่วงที่ดวงอาทิตย์มีปฏิกิริยาสูงสุด ทั้งฝุ่นละอองและอุกกาบาตเข้ามามากเป็นพิเศษ มีผลกระทบต่อดาวเคราะห์ทุกดวง" วิศวกรอาวุโสไทยองค์การนาซา กล่าว

เขายังให้ภาพความปั่นป่วนและเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นกับดาวเคราะห์ในระบบสุริยะถ้วนหน้า ตั้งแต่ดาวพลูโต ที่พบความกดอากาศเพิ่มขึ้น 300 เปอร์เซ็นต์ ทั้งที่อยู่ห่างจากดวงอาทิตย์มากที่สุด ภาพดาวเนปจูนแสดงให้เห็นความสว่างจ้าของชั้นบรรยากาศเพิ่มขึ้น 40 เปอร์เซ็นต์ ดาวยูเรนัสก็เช่นเดียวกัน ความสว่างเพิ่มขึ้น กลุ่มเมฆมาก และมีการพลิกกับขั้วของสนามแม่เหล็ก ดาวเสาร์มีการเปลี่ยนแปลงในแนวเส้นศูนย์สูตรและเกิดปรากฏการณ์ออโรรา คือ มีแสงบนท้องฟ้าตอนกลางคืน แสดงถึงการเปลี่ยนแปลงสนามแม่เหล็กอย่างมาก ดาวพฤหัสก็สว่างขึ้นถึง 200 เปอร์เซ็นต์ และร้อนจัดขึ้น

ส่วนดาวอังคารเกิดสภาวะโลกร้อน น้ำแข็งละลายกลายเป็นน้ำ มีพายุ มีการก่อตัวของเมฆในชั้นบรรยากาศดาวอังคาร ดาววีนัสสว่างขึ้น 2,500 เปอร์เซ็นต์ ในระยะเวลา 30 ปี แม้แต่ดาวพุธก็ค้นพบสนามแม่เหล็กสูงมาก และเกิดน้ำแข็ง มีฝุ่นละอองที่พัดออกมา ส่วนหนึ่งมาจากความดันลมสุริยะลดลง

สำหรับดาวเคราะห์โลกที่มนุษย์อาศัยก็เปลี่ยนแปลงมาก วิศวกรอาวุโสไทยจากองค์การนาซา เปิดเผยว่า จากการวัดปริมาณรังสีคอสมิกมีสูงขึ้นเป็นประวัติการณ์ เมื่อ 50 ปีที่ผ่านมา นักวิทยาศาสตร์คาดการณ์ปริมาณจะลดลง แต่ปรากฏว่าไม่เป็นเช่นนั้น

 "รังสีคอสมิกถ้ารับปริมาณมาก สิ่งมีชีวิตเกิดการเปลี่ยนแปลงทางพันธุกรรมหรือดีเอ็นเอ รวมถึงเกิดการกลายพันธุ์ เป็นโรคมะเร็ง แต่ไม่ต้องกังวลมาก การเปลี่ยนแปลงดีเอ็นเอเป็นเรื่องที่เคยเกิดขึ้นในอดีต นอกจากนี้ ตั้งแต่ปี 2540 เป็นต้นมา ปริมาณฝุ่นละอองที่เข้ามาในโลกมีเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ และจะสูงขึ้นอีก 13 เท่าตัว ในปี 2556 ปริมาณอุกกาบาตที่วัดได้มีสูงมากในปี 2541 อาจเพราะมีเทคโนโลยีตรวจจับวัตถุหรือมีอุกกาบาตเข้ามาเยอะขึ้น ฝนดาวตกก็เพิ่มขึ้น ยืนยันปรากฏการณ์นี้แสดงว่ามีวิกฤติเข้ามาในโลกมากขึ้น"

ดร.ก้องภพ กล่าวต่อว่า อีกความผิดปกติที่เกิดขึ้นคือ การเปลี่ยนแปลงความดันอากาศรอบนอก ธรรมดาเกิดขึ้นทุก 11 ปี แต่เมื่อวัดครั้งสุดท้ายผิดไปจากเดิม 28 เปอร์เซ็นต์ ทำให้ชั้นบรรยากาศลดต่ำลง ส่งผลให้โลกของเราไวต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศนอกโลก เช่นเดียวกับภาพจากดาวเทียมวัดสนามแม่เหล็กรอบนอกแสดงให้เห็นรูรั่ว ที่มี อนุภาคและพลังงานหลุดลอดเข้ามาส่งผลต่อสภาพอากาศโลก ขั้วโลกเหนือน้ำแข็งละลาย ขั้วโลกใต้หิมะน้ำแข็งเพิ่มขึ้น

 เวลานี้มีรายงานวิจัยมากขึ้น ชี้สนามแม่เหล็กโลกส่งผลกระทบต่อรังสีคอสมิกที่เข้ามาในชั้นบรรยากาศ ส่งผลต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพเมฆและก่อตัวของเมฆ นี่เป็นการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นและหลีกเลี่ยงไม่ได้ รวมถึงความถี่ในการ เกิดแผ่นดินไหวส่งผลกระทบต่อโลกมากเป็นประวัติการณ์ ปี 2553 ทำสถิติสูงสุดในประวัติศาสตร์ นอกจากนี้ เราเห็นความสัมพันธ์ระหว่างปรากฏการณ์ความร้อนที่เกิดขึ้นบนโลก ทั้งอุณหภูมิโลกที่ร้อนขึ้น ความสว่างของดวงอาทิตย์ ทุกอย่างเปลี่ยนแปลงไป ในทางเดียวกัน ทั้งยังมีข้อมูลสถิติปี 2552-2553 ระบุความสูญเสียจากภัยพิบัติเพิ่มขึ้นกว่า 3 เท่า

 ปี 2556 ที่ ดร.ก้องภพ คาดการณ์ว่าดวงอาทิตย์จะมีปฏิกิริยาสูงสุด จะส่งผลกระทบอย่างใหญ่หลวงต่อดาวเทียม อุกกาบาตหรือหินนอกโลกอาจทำให้ดาวเทียมเสียหาย มนุษย์มีความเสี่ยงจากการเดินทางด้วยเครื่องบิน เพราะว่าจะได้รับรังสีแกมมา และคอสมิกปริมาณมาก รวมถึงเครื่องบินตก มีข้อมูลว่า 2-3 ปีมานี้ ปริมาณการส่งดาวเทียมไปนอกโลกจากทั่วโลกลดลง ก็ขึ้นกับการตี ความ ปี 2553 เป็นเพียงเริ่มต้นปฏิกิริยาสูงสุดของดวงอาทิตย์ อีก 3 ปีข้างหน้าจะรุนแรงขึ้น

ย้อนไปเมื่อวันที่ 2 กันยายน ปี 2402 มีผู้บันทึกไว้ว่าเกิดปฏิกิริยาพระอาทิตย์ครั้งใหญ่ ปีนั้นแสงอาทิตย์สว่างจ้า ระบบโทรเลขทำงานโดยอัตโนมัติ คนใช้โทรเลขถูกไฟฟ้าช็อตจากพลังงานที่เข้ามา ปัจจุบันผลกระทบจะสูงกว่าครั้งนั้น อาจเกิดไฟฟ้าดับทั่วโลกหรืออุปกรณ์อิเล็กโทรนิกใช้การไม่ได้ ระบบหม้อแปลงไป จนถึงสายส่งเสียหาย สภาพอากาศแปรปรวน พายุถล่ม น้ำท่วม รวมถึงแผ่นดินไหว ต้องเตรียมพร้อมรับมือสถานการณ์และหาวิธีอยู่รอด

"พื้นที่เสี่ยงกับปฏิกิริยานี้ คือ ขั้วโลก สหรัฐ แคนาดา ประเทศในแถบเส้นศูนย์สูตรเสี่ยงน้อยกว่าแต่ไม่ใช่ไม่เกิดขึ้น ไม่อยากให้ ประมาท พม่าย้ายเมืองหลวงไม่มีเหตุผล เนเธอร์แลนด์สร้างบ้านลอยน้ำ เมืองซานฟรานซิสโก สหรัฐ สร้างเมืองตัวอย่างลอยน้ำ คาดว่าแล้วเสร็จปี 2013 หรือปี 2555 ทางการนอร์เวย์ย้ายศูนย์บัญชาการทหารลงใต้ดินเมื่อเดือนกันยายนที่ผ่านมา รัสเซียสร้างที่หลบภัยใต้ดิน 5,000 จุด เสร็จในปี 2012 นี่คือสิ่งที่แต่ละประเทศเตรียมการไว้ แต่ไม่รู้ว่าเพราะเหตุใด" ดร.ก้องภพ กล่าวโดยไม่สรุปใด ๆ เพราะต้องการทำหน้าที่ให้ความรู้จากข้อมูล วิทยาศาสตร์ที่ได้ศึกษาเพื่อสร้างความตระหนักในเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้น ส่วนจะเชื่อหรือไม่ขึ้นกับวิจารณญานของแต่ละบุคคล

อย่างไรก็ตาม ดร.ก้องภพ ฝากทิ้งท้ายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเตรียมการรับมือภัยพิบัติที่จะมีขนาดความรุนแรงแตกต่างกัน นโยบายของภาครัฐควรเน้นการป้องกันเพื่อลดการสูญเสีย ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา รัฐจะแก้ปัญหาเฉพาะหน้า เมื่อประชาชนเดือดร้อนมาก อยากให้แก้ที่ต้นเหตุ และใช้เทคโนโลยีที่มีประสิทธิภาพตรวจจับสิ่งผิดปกติ มีกระบวนการแจ้งเตือนล่วงหน้า รวมถึงสร้างสถานที่หลบภัย ซ้อมอพยพบนเส้นทางหนีภัย อีกมาตรการหนึ่งที่สำคัญ เป็นการให้ความรู้และสร้างความเข้าใจกับประชาชนทั่วไปกรณีเกิดเหตุฉุกเฉิน

ส่วนคนทั่วไปต้องเรียนรู้พึ่งพาตัวเอง นอกจากหวังพึ่งรัฐที่อาจช่วยเหลือได้ไม่ทันท่วงที เช่น สร้างคลังอาหารสำรองในพื้นที่ ปลูกพืชผักสวนครัว รวมถึงสำรองอาหารและอุปกรณ์ยังชีพที่จะใช้เอาตัวรอดในเหตุฉุกเฉิน 3-5 วัน ระยะยาวเห็นว่าทำตามหลักเศรษฐกิจพอเพียงเป็นแนวทางที่เหมาะสมและเกิดประโยชน์ที่สุด

เตือนภัยพิบัติ จากอาจารย์มรกต รัตนตรัยเพชร


เตือนภัยพิบัติ จากอาจารย์มรกต รัตนตรัยเพชร
จากFB เตือนภัยพิบัติโลก 2012 วันที่ ๑ พย. ๕๕
สัญญาณเตือนภัยภิบัติ หากเกิดสิ่งเหล่านี้ ให้เตรียมตัวออกจากรุงเทพ
 (โพสต์ เมย์ Admin)

สัญญาณเตือนภัยภิบัติ ปลายปี 2012 หรือ 2555


 1- พระแก้วมรกต เปลี่ยนจากสีเขียวจะกลายเป็นสีแดง

 2- เห็นพระอาทิตย์ หรือพระจันทร์ ดวงที่สองชัดเจนมาก

3. จะมีสิ่งบอกเหตุที่สำคัญ คือ หากมองขึ้นไปบนท้องฟ้าด้านทิศเหนือ มนุษย์จะเห็นว่าตำแหน่งของดาวเหนือ เปลี่ยนราวกับว่าอยู่ไกลออกไปมากกว่าแต่ก่อน จึงพลอยทำให้แสงสว่างของดาวเหนือลดลงด้วย ทั้งๆที่ในความเป็นจริงแล้ว ดาวเหนือยังคงอยู่ที่เดิม แต่แกนขั้วโลกต่างหากที่กำลังเปลี่ยนทิศ ซึ่งสื่อความหมายว่า ขั้วโลกพร้อมแล้วที่จะเปลี่ยนขวั้ จากเหนือ-ใต้ เป็นขั้นตะวันออก-ตะวันตก

4.ท้องฟ้ามืดมิดผิดปกติหรือ ท้องฟ้าเว้งว้างหดหู่ เห็นท้องฟ้าสีแดง พระจันทร์สีแดง

5.ในวันใดก็ตาม ในเวลาประมาณบ่ายสามโมง (15.00 น.) จะมีแสงสว่างวาบมาจากท้องฟ้า เป็นแสงมหัศจรรย์ มีประกายเจิดจ้าอย่างไม่มีประมาณ ไร้สิ่งเปรียบเทียบ เพราะเป็นแสงที่เกิดจากการปะทะ พุ่งชน เสียดสีของพลังงานบวกกับพลังงานลบจากสองกาแลคซี่ ทั้งดาวเคราะห์ ดาวฤกษ์ ต่างได้รับแสงสว่างนี้ถ้วนทั่วกัน รวมทั้งมนุษย์ในโลก เสียงโจษขานอึงคะนึงจากกลุ่มคนทั่วทิศทาง ถามไถ่กันขรมว่าเป็นแสงอะไร หากได้ยินเช่นนี้แล้ว ให้รีบหลับตาหลบอยู่ในที่พักอาศัย ไม่ต้องติดตามมวลชนออกไปเพื่อหาต้นกำเนิดของแสงบาดตาที่มีอานุภาพทำให้ตาบอดได้ทันที

6.ถัดมาในตอนกลางคืน เวลาประมาณสามทุ่ม (21.00น.) จะเกิดเสียงดังกึกก้องกัมปนาท เป็นพลังงานเสียงที่มีอัตราความดังสูงเกินพิกัดปกติอย่างมาก เสียงคำราม แผดก้อง เขย่าขวัญ เกินประมาณ ดังมาจากทั่วสารทิศ ทำให้แก้วหูแตกได้ฉับพลัน จึงควรหาอุปกรณ์ สำหรับอุดหูเพื่อป้องกันแก้วหูแตก หรือ ป้องกันขวัญผวาไปกับการได้ยินสรรพสำเนียง แปลกประหลาดที่บาดหู บาดใจ เหล่านั้น

7.คลื่นพลังมหาศาลจากจักรวาลจะกระแทกลงมายังโลก เป็นพลังงานที่เกิดจากลมพายุสุริยะ

8.ดร.ก้องภพฯ อธิบายว่า เราสามารถสังเกตได้อย่างหนึ่ง คือ ถ้าเรามองไปที่ท้องฟ้าแล้วเห็นก้อนเมฆ จู่ๆเมฆก็แตกลายงา หรือแตกสลายเปลี่ยนรูปเร็ว พื้นที่บริเวณนนั้ มีโอกาสเกิดแผ่นดินไหวสูง หรือ มีสัตว์นํ้าลึกเข้ามาเกยตื้นตายจำนวนมาก ได้พบหลักฐานอย่างมีนัยะสำคัญที่เกี่ยวเนื่องกับการเกิด แผ่นดินไหวขนาดใหญ่จะติดตามมา



9. บรรยากาศทั่วไปไม่ปรกติ รู้สึกอึดอัดแปลกๆ หายใจลำบาก ใบไม้พลิกหงายพลิกคว่ำและดูหดหู่จะไม่มีนกในท้องฟ้า สัตว์ทั้งหลายไม่ปรากฏกายให้เห็น

10.สัตว์เลี้ยงอยู่ในบ้านจะเห็นมันวิ่งลุกลี้ลุกลนผิดปกติหรือบางตัวจะนอนนิ่งน้ำตาซึม สัตว์สี่เท้าจะนอนน้ำตาไหล หรือสัตว์เลี้ยงจะมีอาการแตกตื่นกระวนกระวาย หนีตายจากที่อยู่ หรือเชื่องซึมผิดปกติ

11.แผ่นดินใหวครั้งใหญ่มาก อาจทำให้เกิดสึนามิ หรือเขื่อนแตก

12. เกิดภูเขาไฟระเบิด ปะทุขึ้นมา เกิดน้ำพุใต้ดิน พลุ่งขึ้นมา

13. พระอินทร์เป่าสังข์ หรือตีกลองแก้ว เสียงดังกังวานไปทั่วนภากาศ

14. สัญญานเตือนอื่นๆ แปลกๆ จากทั่วโลก เช่นแม่จีนกลายเป็นสีแดง, พายุทอร์นาโด, น้ำแข็งขั้วโลกละลาย ฯฯฯ

15.ท้องฟ้ากลางวัน มืดมิดมากยิ่งกว่ากลางคืน จนน่าหวาดกลัวที่สุด ฝนตก 7วัน 7 คืน ( ตก 3วันก็ออกได้แล้ว )

16.เมื่อดาวทุกดวงในระบบสุริยะ และดาวนิบิรุมาเข้าแถวอยู่ในระนาบเดียวกันเป็นเส้นตรง ส่งเชื่อมพลังสนามแม่เหล็ก บวก-ลบ ๆ เพิ่มกำลังแรงแม่เหล็กเต็มที่ ส่งพลังไปยังศูนย์กลางของกาแลกซี่ทางช้างเผือก จุดประกายขึ้นทั่วจักรวาล ทั้งแสงและเสียง ส่งพลังคลื่นแม่เหล็กสะท้อนกลับมายังดาวต่างๆ ที่เข้าแถวอยู่ให้เคลื่อนตัวไปสู่กาแลกซี่ไตรแองกุลัม เริ่มขบวนการเปลี่ยนแปลงตั้งแต่กลางดึกของ 21-12-2012

17. เกิดความเปลี่ยนแปลงทางด้านสภาพแวดล้อมอย่างรุนแรง ความเปลี่ยนแปลงอากาศจะไม่เหมือนเดิม

18.ธรรมชาติรอบตัวทุกสิ่งทุกอย่างเปลี่ยนไป ความร้อน ความเย็น ฝน แดด ท้องฟ้า มีเมฆ กระจายตัวรูปแปลกๆ กลิ่นแปลกๆ ในอากาศ

19.สังเกตุที่อภิไทโภธิบาทว์จะเกิดเหตุอาเพศ นานาประการจะเกิดกาลี ขึ้นในบ้านเมือง
 เช่น ฟ้าผ่าแผ่นพสุธา บังเกิดฟ้าผ่าบ่อยครั้ง ผ่าในส่วนที่ไม่ควรจะผ่า ผ่าลงใบเสมาวัด ฟ้าผ่าลงศาลพระภูมิ ผ่าลงศาลเทพารักษ์ ฟ้าผ่าโรงม้า โรงช้าง

บังเกิดแสงประหลาดในเวลากลางคืน ดูน่าสะพึ่งกลัว

สัตว์ป่าวิ่งเข้าสู่พระนคร ส่วนสัตว์ในพระนครวิ่งหนีเข้าไปอยู่ในป่า
บังเกิดแผ่นดิน เกิดแยกแตก เป็นช่วง โหว่ เป็นรู แผ่นดินทรุดตัว เป็นหลุมลึก ต้นไม้ถล่มลงมา แผ่นดินแตกระแหงขนาดใหญ่

แสงอาทิตย์กลับให้ความรู้ เย็น แต่แสงจันทร์กลับให้ความรู้สึกร้อน

ได้ยินเสียงประหลาด เหมือนเสียงผีหัวเราะ ร้องโหยหวน น่าหวาดกลัว


ช้าง ม้าออกลูก มาพิการ มี 3 หัว มี 2 หัวบ้าง ขาเกินมาบ้าง เช่น วัว 6 ขา ควาย 7 ขาบ้าง

พระประธานในโบสถ์ หลั่งน้ำตาเป็นเลือด

เกิดมีสุริยคราส จันทรคราส และปราการณ์ทางดาราศาสตร์อย่างอื่นเกิดขึ้น บ่อยครั้งในปีนั้น
เช่นมีปรากฏการณ์ดาวตก และ ดาวเรียงกันหลายดวง

ต้นไม้ ผลไม้ ที่เคยมีรสหอมหวาน กับออกผลมาเปรี้ยว หรือ รสชาติประหลาดไปจากเดิม

บังเกิดฝนแล้ง อากาศแปรปรวนวิปริต ผิดฤดูกาล

คนออกลูกเป็นสัตว์ สัตว์ออกลูกมา ผิดแผกไปจากพันธ์ของมัน

ลมพัดแรง จนต้นไม้ และ บ้าน พัง ลมพัดแรง จนหมู่สัตว์ต่างอพยพหนี หลบหายไป ลมพัดแรง ท้องฟ้าแดงน่ากลัว ( อาจจะเกิดซึนามิ)  ลมพัดแรง บนท้องฟ้า บังเกิดเมฆรูปประหลาดต่างๆมากมาย

ยามค่ำคืนได้ยินเสียง แปลกๆเหมือนมี ผีมาพูดคุยกัน

ที่เกิดไปแล้วก็เป็นฟ้าผ่าพระเจดีย์วัดอรุณ กลางองค์ พัง และผ่า คอยักษ์ ขาดกระเด็น....น่าสยดสยองมาก หมายถึงเหตุการณ์ คนตาย มากมาย ในกรุงเทพฯ แน่นอนที่สุด...

20.ควรออกจากกรุงเทพล่วงหน้าสัก 3 สัปดาห์เพื่อที่ว่าถนนจะไม่แออัด หาที่พักง่าย คือออกจากกทม. 1 ธค. 2012 เพื่อรอดูเหตุการณ์ 21 ธันวาคม 2012 ที่จะเกิดเหตุการณ์ตามคำทำนาย..แค่ไหน อย่างไร

ซึ่งอาจจะรุนแรงมากเลยทีเดียวก็ได้...
หนทางที่ดีที่สุดคือ อ.แม่แตง จว.เชียงใหม่ เพราะพระอริยสงฆ์ไปอยู่กันมากมาย รวมทั้งพระอาจารย์ รัตน์ รัตนญาโณ และศ.ดร. เทพพนมเมืองแมน ด้วย

ขอบคุณข้อมูลจาก
อาจารย์มรกต รัตนตรัยเพชร
 http://www.facebook.com/Prof.Morakot
[ รวบรวมไว้ดูในอนาคตครับ  brn  28 nov 2012  ( อจ.มรกตรู้แต่ว่าเป็นโหร ที่มี บล็อกเขียนว่าสมาคมโหรแห่งประเทศไทย, ทุกวิชาโหราศาสตร์, 1969  ไม่มีภาพถ่ายปรากฏให้เห็น รูปร่างหน้าตา
-------------------------------------------------------------------------------------------------------

เตือนภัยพิบัติจากอาจารย์ฮัวโต๋

ลอกจาก FB เตือนภัยพิบัติโลก 2012
ภาพสัญญาณฟ้าเตือนภัย ที่เกิดขึ้นไม่นานนี้

ถาม-ตอบ ปัญหาภัยพิบัติ โดยท่านอาจารย์ ฮั้วโต๋
 (โพสต์ พิษณุ ทีมงานเพจ)


   Vking สมาชิก                        
อาจารย์ฮั่วโต๋คะ...จะขอให้อาจารย์ดูภาพนี้และกรุณาอธิบายค่ะ... เจ้าของภาพถ่ายได้วันนี้ (21-11-2012) บ่ายสามโมง แถวรังสิต ... ขอบคุณค่ะ

ฮั้วโต๋ สมาชิก

...อูย.ๆๆๆ.ขนลุก..ภาพใบหน้า.ซ้ายมือบน มีดวงตา.ในกรอบวงกลมที่มีแสงสว่าง.เตือนและให้กำลังใจ. ทางขวามือ มีเมฆสีดำ.เป็นสัญญาณที่ไม่ดี มีอันตรายในแถบบริเวณนั้นเป็นเป้าหมายที่สำคัญยิ่ง. และรับแบบเต็ม ๆ.ภัยที่จะเกิดคือ..

1.ไฟไหม้.ในทุกสถานการณ์.
 2.ภัยจากน้ำมือของมนุษย์ มีคนตายเป็นกลุ่มใหญ่.

ให้ระมัดระวัง ด้วยความรอบคอบ.มีโอกาสเกิดเหตุสูงมากไม่เกิน 7 วันนับจากวันนี้เป็นต้นไป..คงถึงเวลาของมารมาทำหน้าที่ ตามสวรรค์กำหนดแล้ว.มาเร็วกว่าที่คิดไว้ทีเดียว...พรุ่งนี้อาจารย์มาให้ข้อมูลเพิ่มเติมจากภาพนี้ครับ ยังมีรายละเอียดอีกมากครับ..
 เจริญในธรรม มีพระพุทธเจ้าในจิตให้มาก ๆ

ให้คำตอบบางส่วนแล้วครับ..ไม่สบายใจตรงที่ดวงหน้า-ดวงตา.มีความเศร้า.
 เพราะมีคนตายมาก.ไม่มีใครช่วยได้.ผู้ที่เชื่อและศรัทธา.ไม่ประมาท....
 เตรียมตัวอพยพไปอยู่ในที่ที่ปลอดภัยไว้ก่อนครับ...อาจารย์ก็ไม่สบายใจครับ.
 เจริญในธรรม มีพระพุทธเจ้าในจิตให้มาก ๆ

.มีสัญญาณฟ้ามา.แต่อาจารย์ไม่สามารถถ่ายภาพได้.ท้องฟ้าปิด มืดมาก.
 ประตูมิติเปิดครับ.มาร-ผี-มากันเป็นกองทัพครับ.จากกระทู้ ที่ท่านสมาชิก.นำข้อมูลของ คุณแก้มแดง.มาให้อ่านกันนั้น.บัดนี้เกิดเป็นความจริงในข้อความของคุณ.แก้มแดง มีอันตรายถึง 2 เท่าครับ..
 เจริญในธรรม มีพระพุทธเจ้าในจิตให้มาก ๆ

Vking สมาชิก

รออ่านค่ะ..และขอถามว่า เกี่ยวอะไรกับ พายุสุิริยะ ด้วยมั๊ยคะ... อาจารย์ ขอบพระคุณค่ะ

ฮั้วโต๋ สมาชิก

..เกี่ยวกับสงคราม-พายุสุริยะด้วย แต่พายุสุริยะยังไม่ใช่ในปีนี้ค่ะ....
 เจริญในธรรม มีพระพุทธเจ้าในจิตให้มาก ๆ

..อาจารย์มาเปิดเผยในข้อมูลที่เคยถูกปิดเป็นความลับไว้เพิ่มเติมจากภาพนี้.ต่อจากเมื่อคืน. ...

.พันธสัญญาระหว่าง พระ.เทพ.พรหม.เทวดาอารักษ์.ฝ่ายปกป้องรักษากับ พญามาร.มาร.และบริวารทั้งหลาย.ฝ่ายทำลาย.เมื่อพระพุทธศาสนาเดินทางถึงครึ่งทางหรือกึ่งพุทธกาล.ช่วงที่เริ่มต้นมาถึงครึ่งพุทธกาล.ฝ่ายพระ เทพ พรหม เทวดาอารักษ์ ทำหน้าที่ปกป้องรักษาสรรพสิ่งของโลกไว้.แต่ครึ่งหลังของพุทธกาล.ฝ่าย พญามาร มาร ผีทั้งหลายและบริวาร.ที่หน้าที่ทำลาย.ก็ต้องออกมาทำหน้าที่.ฝ่ายที่ทำหน้าที่ปกป้องรักษาสรรพสิ่งของโลกไว้ต้องถอย เพื่อให้ฝ่ายทำลายทำหน้าที่แทน....

..ถ้าหากมนุษย์โลกไม่ต้องการให้ฝ่ายทำลายมาทำหน้าที่ตามกำหนดเวลาที่สวรรค์ได้กำหนดไว้แล้วนั้น.ก็ต้องมีเงื่อนไขและข้อแลกเปลี่ยน...ดังที่อาจารย์เคยขอเลื่อนภัยในครั้งนี้.มีเงื่อนไขและข้อแลกเปลี่ยนมากมาย.

..ณ.เวลานี้โลกมนุษย์มีหน้าที่รอๆๆๆๆๆๆๆๆๆ.รอพระมหาเมตตาจาก"มหาโพธิสัตว์"พระองค์นั้นพระองค์เดียวมาช่วย.เพราะเวลานี้โลกมนุษย์ไม่มีใครสักคนที่ใจกล้า-ใจถึง.ยอมลงโลกันต์มหานรก. 1.อสงไขย.ถ้าทำไม่ได้ตามเงื่อนไขข้อแลกเปลี่ยนของพญามาร.

จากภาพ.เมื่อวานนี้ จึงเห็นดวงตา-ดวงหน้าที่เศร้าสร้อย.ที่โลกมนุษย์จะพบกับหายนะครั้งยิ่งใหญ่.ในเร็ว ๆ นี้..เดี๋ยวมาในตอนต่อไปครับ...
 เจริญในธรรม มีพระพุทธเจ้าในจิตให้มาก ๆ

..ข้อแลกเปลี่ยนตอนที่ 2.....
 พระอริยะต้องละสังขารกันหมด..ซึ่ง..ณ.เวลานี้ มีพระอริยะหลายองค์ ตกลงยินยอมพร้อมใจกันละสังขาร.เพราะไม่สามารถประคับประคองหายนะของมนุษย์โลกไว้ได้.เพราะเกินวิสัย-หนักเกินกำลังที่มี.

...ท่านละแล้วครับ..อย่างที่ท่านทราบ 2560 พระอริยะต้องละสังขารกันหมด..และเดือนนี้ เดือนหน้ามีละสังขารกันหลายองค์ครับ..เพราะท่านไม่ยอมอยู่กัน.มติที่เทวสภาเมื่อคืนนี้ครับ...
 เจริญในธรรม มีพระพุทธเจ้าในจิตให้มาก ๆ

เงื่อนไข ความลับข้อที่ 3...ณ.เวลานี้ พญามาร มารและบริวารทั้งหมดมาจุติมีขันธ์ 5 ครบกันแล้ว รอให้ถึงเวลาตามที่สวรรค์กำหนด.ก็พร้อมทะยอยทำลายทันที..ตามลำดับดังนี้.

1.มิจฉาทิจฐิ-มิจฉาปฏิบัติ.ควบพร้อมกับคนทุศีล.เดียรถีย์
 2.คนที่ลูบ ๆ คลำ ๆ ศีล.ศีลไม่ดีพอ.ควบคนนอกศาสนา.
 3.วัดวาอารามที่ไม่เป็นธรรมชาติ.

..เมื่อถึงเวลาแห่งหายนะไม่มีใครช่วยใครได้..หมดเวลา หมดโอกาสของเหล่าสรรพสัตว์ทั้งหลายของโลกมนุษย์...รอมหาโพธิสัตว์พระองค์นั้นพระองค์เดียว......
 เจริญในธรรม มีพระพุทธเจ้าในจิตให้มาก ๆ

...และอีก 1.ประการ.ที่คนเราประมาทกันมากก็คือ เรื่อง.คุณไสย-มนต์ดำ.ที่หลาย ๆ คนไม่เชื่อว่าจะมีหรือหมดไปแล้วในยุคปัจจุบันนี้.แท้ที่จริงแล้ว ยังมีอยู่และมีอันตรายมหันต์.เพราะคนเรามัวแต่สนใจกับเทคโนโลยี วัตถุต่าง ๆ.จนลืมที่จะคิดถึงในเรื่องนี้ไป..จากสัญญาณฟ้าภาพนี้ เป็นภาพเตือนใจ-เตือนความจำ.ว่าให้ระวังจากภัยที่ตาเนื้อมองไม่เห็นนั่นเอง.....
 เจริญในธรรม มีพระพุทธเจ้าในจิตให้มาก ๆ

ManopLaw สมาชิก

อาจารย์ครับ 3 รูป ถ่ายตอน 5 โมงเย็น รูปแรกเป็นรุ้งที่เกิดทางทิศตะวันออก ของจริงสวยมากครับแต่เกิดไม่ถึง10นาทีก็หายไป ไม่มีฝนตกครับ รูปที่ 2 เป็นทางทิศใต้ รูปที่ 3 เป็นทิศตะวันตก ทั้งหมดเวลาเดียวกัน(ถ่ายด้วยโทรศัพท์มือถือครับ) มันมีความหมายอะไรมั๊ยครับอาจารย์

ฮั้วโต๋ สมาชิก

...รุ้ง..หมายถึง.สมเด็จเสด็จให้กำลังใจครับ.เสด็จมาในขณะที่ท้องฟ้าปิด.มีเมฆสีเทาดำคลุมอยู่...ท้องฟ้าแดง.คือมีภัยธรรมชาติและจากน้ำมือของมนุษย์เกิดตามมา..

..ภาพ 3.คือความรุนแรงของภัยต่าง ๆ ที่กำลังจะเกิด.เมฆสีเทาดำคือ.กลุ่มคนที่มีจิตสีดำ.แสงสีแดงคือ.เป็นช่วงเวลาของกลุ่มคนประเภทนี้มีอำนาจ...และภัยที่เกิดจากน้ำมือมนุษย์.มีความรุนแรงสูง อันตรายมาก.ส่วนในภัยทางธรรมชาติเกี่ยวกับ น้ำ-ลมพายุ-แผ่นดินไหว-แผ่นดินทรุด-และความแห้งแล้ง.รวมถึงการขาดแคลนอาหารและน้ำดื่ม-น้ำใช้ด้วยครับ....
 เจริญในธรรม มีพระพุทธเจ้าในจิตให้มาก ๆ

ฮั้วโต๋ สมาชิก

...ภาพท้องฟ้าเมื่อวันวาน.ช่วงเย็น ๆ ที่ลำปาง.สีแดงถูกแบ่งเป็น 2.ส่วน.คือภัยจากน้ำมือของมนุษย์ สองกลุ่มใหญ่.แล้วขยายวงกว้างออกไป.จากสงครามย่อยก็กลายเป็นสงครามใหญ่ ยักษ์นอกศาสนารบกัน...
 เจริญในธรรม มีพระพุทธเจ้าในจิตให้มาก ๆ

..ในช่วงเวลาที่มีภัย..สมาชิกท่านใดที่มีภาพหรือเหรียญของหลวงพ่อพระราชพรหมยาน(ฤาษีลิงดำ)วัดท่าซุง.ก็ให้นำภาพหลวงพ่อมาติดประดิษฐานเหนือประตูบ้านได้.ถ้ามีเหรียญก็นำมาติดตัว..เพื่อให้ปลอดภัยจาก พญามาร-มาร.ได้..เพราะหลวงพ่อท่านมีพันธสัญญากับพญามารและมารอยู่ว่า...

"บุคคลใดที่เป็นลูก-หลานของหลวงพ่อ.เมื่อมีภัยที่เกิดจากพญามารและมาร.ต้องเว้น.แต่ถ้าใครจะตายท่านจะต้องทราบทุกครั้งและทุก ๆ คน"...นี่คือพันธสัญญาที่หลวงพ่อและพญามาร-มาร.มีต่อกัน..และมีหลวงพ่อเพียงองค์เดียวเท่านั้นที่พญามาร-มาร.ยอมตกลงในเงื่อนไขและข้อตกลงของหลวงพ่อที่หลวงพ่อเรียกร้องและขอเว้นไว้..นี่คือความลับอีกข้อที่อาจารย์มาเปิดเผยให้ทราบโดยทั่วถึงกัน....
 เจริญในธรรม มีพระพุทธเจ้าในจิตให้มาก ๆ

..เมื่อพญามาร-มาร.ลงมาทำหน้าที่ในการทำลาย.ก็ทำหน้าที่ร่วมกับพญามัจจุราช.พระยายมราช.ท่านนิรยบาล.และท่านท้าวจตุรมหาราชทั้ง 4.ด้วย.ถึงแม้หลวงพ่อจะละกายสังขารไปนานแล้วถึง 20 ปี แต่ดวงจิตของหลวงพ่อที่อยู่ที่พระนิพพาน.ยังเสด็จลงมาโปรด-สงเคราะห์-ช่วยลูกหลานทุก ๆ คนอยู่เสมอ.นี่คือความลับอีกประการที่อาจารย์มาเปิดเผยให้ได้ทราบกัน...

ดวงหน้า-ดวงตา ในภาพที่ท่าน.Vking.นำภาพมาอัพเมื่อวานนี้ที่หน้า 446..คือภาพดวงหน้า-ดวงตาของหลวงพ่อนั่นเอง...
 เจริญในธรรม มีพระพุทธเจ้าในจิตให้มาก ๆ

Vking สมาชิก

อาจารย์ฮั่วโต๋คะ วันนี้เหลือบไปเห็นตัวเลขวันที่ในจอคอมสวยดี 22/11/55 ก็เลยถามตัวเองในใจว่า..วันนี้จะมีปรากฎการณ์อะไรรึเปล่า... คิดเฉย ๆ ปรากฎว่า ได้ภาพนี้มาค่ะ ถ่ายมาเองค่ะ จากมือถือ ขอคำชี้แนะจากอาจารย์ฮั่วโต๋อีกครั้งค่ะ ขอขอบคุณค่ะ

ฮั้วโต๋ สมาชิก

..เลขเบิ้ลสวยนะแต่มีพิษที่ร้ายกาจยิ่ง.22-11-55.แล้วจะเฉลยคราวต่อไป.
 สำหรับภาพถ่าย.มีสัญญาณจากฟ้าดังนี้...

1.ในเรื่องการชุมนุมที่จะถึงนี้.อย่าประมาท.มนุษย์เป็นผู้ก่อเหตุ.มนุษย์เป็นผู้รับในผลที่ก่อเหตุนั้น ๆ.
 2.ความรุนแรงในสงครามน้ำลายก็มี.พึงระวังอันตราย.
 3.ข้าวยากหมากแพง.
 4.คนดีเตรียมเข้าป่า.หรือเก็บตัวเงียบ ๆ.
 5.เพลิงไหม้-คนตาย.
 6.สูญเสียบุคคลสำคัญ.

.ข้อควรทำ.....
 1.ขันติ.
 2.อุเบกขา.
 3.เผ่นเอาตัวรอด.
 เจริญในธรรม มีพระพุทธเจ้าในจิตให้มาก ๆ

* หมายเหตุ เอามาเก็บไว้ดูในอนาคตนะครับ   จาก  FB เตือนภัยพิบัติโลก 2012   [ 28 nov 2012 ]
----------------------------------------------------------------------------------------------------

ติดต่อมหาปลี

ติดต่อ เสวนา กับมหาปลี แต่ก็ไม่รู้จะติดต่อกันทำไม ผมทำไว้แค่เป็นรูปแบบตามที่เขามีให้เท่านั้นครับ
--------------------------------------------------------------------------------------------------------------

Face Book: 
 มหาปลีนอกวัด   โปรไฟล์เฟสฯ   predee yuenyong       กูเกิ้ลบวก  predee yuenyong

Line id : bananabrm 

หรือจะส่งข้อความทางแบบฟอร์ม Email   ข้างล่างในช่องกรอก ข้อมูลด้านล่างครับ


 ส่งข้อความทาง Email ครับ



                                                                                                       



ยามตกฟากวันเสาร์

หน้าแแรกยามตกฟาก 
 
 

ยามวันเสาร์์
ยาม ๑ ( ๐๖.๐๐ - ๐๗.๓๐ น.)
รุ่งวันเสาร์ยามเช้ากล่าวคดี      เมื่อนางสัมมุขขีไม่มีสอง          มีกำลังดังนางพยาม้าคะนอง    อยู่ถ้ำทองกลางป่าพนาวัน      ผู้ใดเกิดตรงงามกับยามเสาร์ จะเพริศเพรางามสิ้นทุกสิ่งสรรพ์       แต่จะต้องร้างญาติขาดพงศ์พันธ์        ลาภทั้งนั้นหาได้มีในตัว


ยาม ๒ ( ๐๗.๓๐ - ๐๙.๐๐ น.)
ถึงยามครูอสุรีย์มิเศร้าสร้อย       ได้พรานน้อยเนื้อเย็นมาเป็นผัว   ใครตกฟากยามนี้ไม่มีมัว  ดีกับชั่วพอประมาณปนปานกัน


  ยาม ๓ ( ๐๙.๐๐ - ๑๐.๓๐ น.)
ภุมมะยามเช้าเก้าถึงสิบสามสิบ          สัมมุขขิบมีบุตรสุดกระสันต์     เป็นชายโฉมไฉไลประไพพรรณ  เหมือนเทวัญแบ่งภาคจากวิมาน    ใครคลอดลูกยามนี้จะมียศ      จะปรากฏลือสิ้นทั่วถิ่นฐาน  รูปจะสวยรวยทรัพย์ไปนับนาน   ประกอบการเลี้ยงชีวาให้ถาวร


   ยาม ๔ ( ๑๐.๓๐ - ๑๒.๐๐ )
สุริยยะลูกรักของยักษี      คิดจะหนีนางมารชาญสมร    ผู้ใดเกิดยามอาทิตย์ติดข้างร้อน  จะอาวรณ์เวทนาข้างหน้าไป      มีลูกเต้าเล่าก็คงไม่ตรงต่อ         เกิดทะเลาะต่อเถียงเลี้ยงไม่ไหว
 


ยาม ๕ ( ๑๒.๐๐ - ๑๓.๓๐ )
ยามศุกระลูกพาบิดาไทย            หนีแม่ไปจนกระทั่งฝั่งนที     ใครเกิดทันวันเสาร์เช้ายามศุกรี   จะได้ทุกข์อัปยศสลดศรี     ว่ากำพร้ามารดาทั้งตาปี           บิดามีจะต้องพา เที่ยวหากิน


  ยาม ๖ ( ๑๓.๓๐ - ๑๕.๐๐ )
ยามพุทธะนางยักษาตามหาบุตร       ต้องโศกสุดไม่ได้คลายถวิล        มาพบพักรลูกยาชายวาริน   ก็สุดสิ้นแรงเรี่ยวเสียวอุรา     ร้องเรียกลูกผัวรักสักเท่าไหร่      ลูกกับผัวนอกใจไม่ไปหา    ใครตกฟากยามพุทธสุดเวทนา  ไปข้างหน้าอาภัพอัประมาณ    มีลูกเต้าหญิงชายไม่ได้พึ่ง ความทุกข์ถึงมากมายหลายสถาน


  ยาม ๗ ( ๑๕.๐๐ - ๑๖.๓๐ )
ยามจันเทาอสุรีขิณีมาร             สอนกุมารลูกชายให้เรียนมนต์     ใครเกิดกายยามนี้ดีนักหนา   เรียนวิชาได้วิเศษทุกเหตุผล    ทั้งเป็นช่างฝีมือลือกว่าคน   น้ำใจตนมีเมตาประชากกร


 ยาม ๘ ( ๑๖.๓๐ -๑๘.๐๐ )
ยามเสารีสนธยาอาทิตย์ลับ     ชีวิตดับนางมารชาญสมร        ใครเกิดทันยามสิ้นแสง ทินกร       มักตัดรอนอายุมิสู้ดี      หากอยู่ไปในมนุษย์ก็สุดหมาย   มักเจ็บไข้มีโรคเศร้าโศกศรี       กำเนิดยามมนุสสาทั้งธานี    จะร้ายดีมีเสร็จทั้งเจ็ดวัน     ใครบุญมากก็ประเสริฐเกิดยามสุข        กำจัดทุกข์ปรีเปรมเกษมสัต์     ผู้ใดทำกรรมสร้างปางก่อนนั้น        ก็เกิดทันยามร้ายหญิงชายเอย
 

  ยามวันเสาร์ กลางคืน
  ยาม ๑ (๑๘.๐๐ - ๑๙.๓๐ )
วันเสาโรพอค่ำย่ำสุริยฉาน    หนุมานกระบี่ฤทธีหลาย           รับอาสาสมเด็จพระนารายณ์        จะผันผายไปลังกาพยามาร    นาทีนี้หญิงชายผู้ใดคลอด   จะยิงยอดดังชายนายทหาร    กำลังแรงแข็งกล้าวิชาชาญ     รับทำงานแทนเพื่อนเหมือนของตน 


  ยาม ๒ (๑๙. ๓๐ - ๒๑.๐๐ )
ยามพุทโะภาณะโรรีบเหาะหัน     ถึงสวนขวัญลังกาสัตตาผล    ใครเกิดทันยามนี้มิชอบกล    จะซุกซนเซซ่านจากบ้านเมือง     แต่ปรารถนาสิ่งใดได้ทั้งสิ้น      สมถวิลเป็นสุขไปทุกเรื่อง


ยาม ๓ (๒๑.๐๐ - ๒๒. ๓๐ )
ยามระวิขุนกระบี่ฤทธีเรือง      พบมิ่งเมืองนางสีดายามอาดูร      ขุนกระบี่รีบรับไว้ไม่ตายสูญ     คลอดยามนี้มีผู้อนุกูล       จะเพิ่มพูลมหาเหเดโชชัย     แม้เจ็บไข้เกือบทำลายวายชีวิต      มีผู้คิดผันแปรช่วยแก้ไข


ยาม ๔ (๒๒.๓๐ - ๒๔.๐๐ )
ยามชีโวหนุมานอันชาญชัย     เอาแหวนใส่นิ้วถวายให้ยุพิน   แล้วลานางจะไปล้างชีวิตยักษ์     นางนงลักษณ์โศกศัลย์หวั่นถวิล      จะโศกเศร้าโศกาเป็นอาจินต์          ทั้งทรัพย์สินหายากลำบากแรง แต่เก็บไว้ได้มากไม่อยากจ่าย     ข้างต้นร้ายปลายดีมีศักดิ์แสง


ยาม ๕ ( ๐๐.๐๐ - ๐๑.๓๐ )
ยามศศิหนุมานทยานแรง    เข้าสำแดงเดชาหักมาลี      นาทีนี้ดีนักประจักษ์จิต     จะเรืองฤทธิ์ดังพยาราชสีห์    ทำการงานช่างไม้สบายดี     จะมีฝีมือเลิสประเสริฐคน


ยาม ๖ ( ๐๑.๓๐ - ๐๓.๐๐)
ยามศุโกรกระบี่ป่าโภชนาหาร     ทั้งเปรี้ยวหวานพฤษาพลาผล     นาทีนี้ร้ายกับดีพอปนปน    จะเลี้ยงตนพอประมาณการทำกิน


ยาม ๗ ( ๐๓.๐๐ - ๐๔. ๓๐ )
ยามภุมโมสระศักดิ์พวกยักษี     จับกระบี่ได้สมอารมย์ถวิล         ใครคลอดจากครรภ์มาจะราคิน        ชนทั้งสิ้นไม่พอใจเสือกใส่ความ   ตัดโซ่ตรนขื่อคาหลายคราครั้ง    ทรัพย์สินยังเสียหายไปหลายหลาม


ยาม ๘ ( ๐๔.๓๐ - ๐๖.๐๐
ถึงยามเสาร์รุ่งแจ้งส่งแสงงาม      ก็สมความคิดหวังเผาลังกา    คลอดยามนี้มีชื่ออันลือเลื่อง    จะกระเดื่องญาติวงศ์เผ่าพงศา     พวกศัตรูแพ้พับอัปรา     คิดบีทาก็ไม่สมอารมย์ปอง


กลับไป ๘ ยามคำกลอนหน้าแรก




ยามวันอังคาร

เรื่องยามตกฟาก
ยามตกฟากก็คือเวลาเกิด    สมัยก่อนไม่ได้มีนาฬิกาดูเป๊ะๆเหมือนสมัยนี้   คนโบราณที่เป็นผู้รู้หรือปราชญ์พื้นบานอาศัยดูหรือสังเกตุยามตกฟาก คือกลางวันมี ๘ ยาม กลางคืนมี ๘ ยาม ดูครับ


ยามวันอังคารกลางวัน
ยาม ๑ ( ๐๖.๐๐ - ๐๗.๓๐ น.
วันภุมมะยามเช้ากล่าวขยาย        เจ้าฤาสายเจ้าไกรลาสคีรีศรี        ส่งสารให้นนทกาลอสุรีย์         กลับกายีเป็นควายฟามฟายมา    อยู่ในป่าหิมพานต์สถานรก           อยู่วิตกตนเดียวเปลี่ยวนักหนา     อังคารเช้าใครเล่ากำเนิดมา        จะเอกาเดียวดายไร้พงศ์พันธ์

ยาม ๒ ( ๐๗.๓๐ - ๐๙.๐๐ น.)
สุริยะทรพาแสนสำราญ       ได้บริวารฝูงใหญ่ในไพรสันท์          มีลูกผู้แล้วสังหารผลาญชีวัน  
ใครเกิดทันยามนี้จะมีชัย      แต่ลูกชายเลี้ยงไว้ลำบากนัก           กรรมจะชักให้วิบัติถึงตักษัย

ยาม ๓ ( ๐๙.๐๐ - ๑๐.๓๐ น.)
ยามศุกระนางคุรำล่ำวิสัย           บังเกิดได้ลูกผู้ดูสวยโสภา           แต่ว่ามาเป็นทุกข์ลุกนั่งให้ตั้งตาย   กลัวลูกชายจะชีวาสิ้นสังขาร      ในยามนี้ใครคลอดจากครรภ์มา    ทุกข์จะมาถึงตายแทบวายชนม์   ทำงานกลับถูกกลับหายกลายเป็นผิด      เป็นทุคติติดสารพัดเติมขัดสน

 ยาม ๔  ( ๑๐.๓๐ - ๑๒.๐๐ )
ยามพุทธมารดาพาลูกตน         เที่ยวซุกซนซ่อนไว้ในคีรี           ใครเกิดถูกวันอังคารเมื่อยามพุธ   เป็นสุขสุดปรีด์เปรมเกษมศรี     จะเกียจคร้านทำงานการทั้งปี     แต่ว่ามีผู้ช่วยคอยสนใจให้สบาย

 ยาม ๕ ( ๑๒.๐๐ - ๑๓.๓๐ )
ยามจันเทาทรพีผู้มีฤทธิ์         เที่ยวฟันขวิดล่านเลื่อนสนั่นไหว         ออกวัดรอยตีนทรพาบิดาไทย ทั้งน้ำใจดุดันพันประมาณ       ใครเกิดมายามนี้จะมีเดช           แสนวิเศษจะได้เห็นเป็นทหาร      
อันศัตระทั้งสิ้นในดินดาน       ไม่ต้องพานกายาทั่วตาปี

ยาม ๖ ( ๑๓.๓๐ - ๑๕.๐๐ )
ยามเสารีทรพีพยาบาท       จะพิฆาตจตุรงค์ปลงเป็นผี           ใครตกฟากจากท้องต้องยามนี้  
ม่ได้ดีกับบิดาข้างหน้าไป      เกิดวิวาททุบเตียงเสียงสนั่น       ทะเลาะกันจนไม่รู้ว่าเวลาไหน

ยาม ๗ ( ๑๕.๐๐ - ๑๖.๓๐ )
ถึงยามครูทรพีมีฤทธิ์ไกร       ตกเข้าไปฟันบิดาชีวาวาย            ใครเกิดทันวันอังคารยามพฤหัส
จะกำจัดบิตุรงค์ลงพงพาย     ตำราโหรทายโดนว่ายามร้าย        บิดาตายก่อนตนทุกคนไป

ยาม ๘  ( ๑๖.๓๐ -๑๘.๐๐ )
ยามภุมมะสายัณห์ตะวันตก          ได้มรดกเป็นควายฝูงใหญ่            ใครเกิดมายามนี้ดีเหลือใจ      
มีโภไคยท่านมอบให้ครอบครอง   ทั้งญาติมิตรนำลาภสุขภาพมา      จบตำราวันอังคารสารสยอง

ยามวันอังคารกลางคืน

ยาม ๑     (๑๘.๐๐ - ๑๙.๓๐ )
ยามอังคารยามค่ำพอย่ำหยด      เมื่อพระรถงามพร้อมพ่อจอมขวัญ    จากอุโมงมารดาขึ้นมาพลัน เห็นตะวันสว่างกลางอำพร         ใครจากท้องมารดามายามนี้             ชั่วกับดีเท่ากันพอผันผ่อน

ยาม ๒  (๑๙. ๓๐ - ๒๑.๐๐ )
ยามเสาโรเมื่อพระรถบทจร          มาพักผ่อนยังบ้านโคบาลสหาย      เล่นสะบ้าพนันกันมากมาย       โคบาลพ่ายแพ้พระรถกำหนดหมาย     เกิดยามนี้ดีจริงทั้งหญิงชาย    โหราทายว่าไม่แพ้แก่พนัน

ยาม ๓ (๒๑.๐๐ - ๒๒. ๓๐ )
ยามพุทโธได้ชนะแล้วลากลับ     ได้ข้าวกับปลาจี่มาหลายขัน       มาฝากพระมารดาชนะการพนัน   ใครเกิดทันยามนี้ดีพอพึ่ง           จะมีจิตตากตัญญูทางกุศล         ทั้งลาภผลนานาจะมาถึง

ยาม ๔ (๒๒.๓๐ - ๒๔.๐๐ )
ยามระวิพระราชบิดาคนึง              บัญชาถึงลูกยาให้คลาไคล       สุนทรามารแต่งสารผูกคอม้า     หวังจะฆ่าหน่อกษัตริย์ให้ตักษัย     ใครตกฟากยามนี้มักมีภัย         จะจากไกลถิ่นฐานรำคาญเคือง       ทั้งพลัดวงศ์พงศาต้องอาภัพ       เที่ยวหาทรัพย์เลี้ยงร่างจนตาเหลือง

ยาม ๕ ( ๐๐.๐๐ - ๐๑.๓๐ )
ยามชีโวพระรูปโอได้แค้นเคือง        ไปรู้เรื่องกับฤาษีผู้มีญาน          พระโยคีมีจิตคิดอาลัย        
น้ำพระทัยแสนลาดแปลงราชสาร    ได้พระรถพาไปในเมืองมาร     ได้นงคราญเมรีเป็นภรรยา    
ใครเกิดมายามหัสคิดอาทิตย์           จะมีมิตรไกลบ้านย่านเวหา

ยาม ๖ ( ๐๑.๓๐ - ๐๓.๐๐)
ศศิยามตามกันคิดนั้นมา        มาแก้วพาภูมีหนีนางจร              ยามนี้ร้ายท่านว่าใครตกฟาก           ต้องลำบากร้อนใจฤทัยถอน   จะตั้งตัวหลายทีมิแน่นอน          แต่มีผู้ดับร้อนช่วยผ่อนคลาย

ยาม ๗  ( ๐๓.๐๐ - ๐๔. ๓๐ )
ยามศุโกรร้อยชั่งนางเมรี        ตามสามีทุกข์ทนหมองหม่นหม้าย       มาถึงฝั่งคงคาชีวาวาย    
ตัวต้องตายอยู่ที่ทิมริมวารี     ใครเกิดยามศุกรีราตรีนั้น                     อายุสั้นอัปลักษณ์เสียศักดิ์ศรี   หากอยู่ไปในโลกโศกทวี       ของรัักมีมักพรากจากกาย

                       ยาม ๘ ( ๐๔.๓๐ - ๐๖.๐๐ )
ยามภุมโมสุริโยสว่างแผ้ว      ม้าพาแก้วฟ้าพระรถกำหนดหมาย    ถึงนครไพสาลีที่สบาย    
ใส่บ่าให้พี่น้องสิบสองนาง    ใครคลอดมายามนี้มีแตสุข               กำจัดทุกข์โทษภัยเสียไกลห่าง     ทำการงานแคล่วคล่องถูกต้องทาง        คิดสมสร้างสิ่งใดก็ไพบูลญ์

ยามตกฟากวันพฤหัสบ่ดี

 แปดยามตกฟากคำกลอน
   
แปดยามคำกลอน นี้เอามาจากหนังสือดูหมอแถวบ้าน(วัดสน อ. ระโนด จ.สงขลา ) นานแล้ว ลองค้นหาตามเวปไซด์แล้วไม่เห็นมี  เลยต้องลงทุนพิมม์เองเพราะไม่รู้จะจ้างใครเพราะจดมาคงไม่มีใครอ่านออก   เผื่อเพื่อนๆมาอ่านพบเข้าอาจถูกใจก็อปปี้เก็บไว้จะได้เหลือไว้ให้เด็กรุ่นหลังได้อ่านเล่นต่อไป


ยามวันพฤหัสบ่ดีกลางวัน
ยาม ๑ ( ๐๖.๐๐ - ๐๗.๓๐ น.)
หัสยามเช้าท้าวกุสราช            จุตฺคลาสจากสถานวิมานใหญ่           เกิดในครรภ์นางกษัตริย์สันทัดใจ 
พ้นโพนภัยสารพันอันตราย     ใครจากท้องต้องตามทันยามพระ       จะหลีกละโภยภัยเสียไกลหลาย  บริบูรณ์พูลสุขสนุกสบาย        มีมากมายเงินทองล้วนของดี

ยาม ๒ ( ๐๗.๓๐ - ๐๙.๐๐ น.)
ยามภูมมะพระกุสราชท้าว          ได้เป็นเจ้าจักรพรรดิ์จำรัสศรี             ใครเกิดทันยามนั้นขยันดี      ได้เป็นใหญ่ในที่ตระกูลวงศ์       จะลือชาปรากฏทศทิศ             มีญาติมิตรนำลาภสุภาพส่ง

ยาม ๓ ( ๐๙.๐๐ - ๑๐.๓๐ น.)
สุริยนางเมืองผู้โฉมยงค์            พาพระองค์กุสราชคลาดคลา          ไปร่วมห้องครอบครองกับสามี    ใครเกิดทันยามนี้ดีหนักหนา     แต่จะพลัดพรากจากญาติกา           มีภรรยาไกลบ้านสถานตน

ยาม ๔  ( ๑๐.๓๐ - ๑๒.๐๐ )
ยามศุกระเมื่อพระมเหสี        จากสามีหนีไปในไพรสนท์           ใครเกิดทันยามศุกร์ต้องทุกข์ทน         มักตั้งตนหลายคราวจนร้าวราญ

ยาม ๕ ( ๐๐.๐๐ - ๐๑.๓๐ )
ยามพุทธะเมื่อท้าวกุสราช     ตามนุชนารถรีบไปในไพรสันท์     มากระทั่งถึงริมฝั่งชลาธาร
ได้รำคาญขัดข้องไม่คล่องกาย    ใครตกฟากจากท้องต้องยามนี้   จะอัปปรีย์ชอกช้ำระส่ำระสาย           ต้องอาภัพอัประภาคลำบากกาย    แล้วซ้ำร้ายที่พักเหมือนหลักลอย  
   
ยาม ๖ ( ๑๓.๓๐ - ๑๕.๐๐ )
ยามจันเทาท้าวตามยามเทวศ           ชลเนตรหยดเหยาะลงเผาะผอย       มาถึงฝั่งคงคานั่งถ้าคอย    ตาชม้อยดูจบไม่พบพาน     ใครเกิดมายามจันทร์วันพฤหัส         จะพรากพลัดจากญาติวงศ์น่าสงสาร   อยู่ที่ไหนไม่ใคร่จะได้นาน     ทำการงานค้างคาทั่วหน้ากัน

ยาม ๗ ( ๑๕.๐๐ - ๑๖.๓๐ )
ยามเสารีเมื่อจักรีไปตีทัพ        ข้าศึกยับแตกทัพป่นทนไม่ไหว          ใครจากท้องยามนี้ดีเหลือใจ    ศัตรูภัยแพ้ยับอัปรา      ปัจจามิตรคิดร้ายต้องหน่ายหนี       แล้วกลับดีอ่อนน้อมยอมเข้าหา

ยาม ๘  ( ๑๖.๓๐ -๑๘.๐๐ )
วันพฤหัสยามค่ำย่ำเวลา            พระราชาถอนทัพกลับนคร            ใครตกฟากยามครูอยู่เป็นสุข        บรรเทาทุกข์ภิญโญสโมสร      ทั้งชื่อเสียงโด่งดังฟังขจร          จบสุนทรวันพฤหัสกำจัดภัย

ยามวันพฤหัสบ่ดี กลางคืน

ยาม ๑     (๑๘.๐๐ - ๑๙.๓๐ )
ยามชีโวรัชนูภูวนารถ           เรียนศิลปศาสตร์ครบจริงทุกสิ่งสรรพ์         ใครจากท้องชนนีเห็นดีครัน   ว่าผู้นั้นเรียนวิชาพอพาตัว     จะคบมิตรสหายก็ได้สม         ชนนิยมนับถือลือไปทั่ว

ยาม ๒  (๑๙. ๓๐ - ๒๑.๐๐ )
 ยามศศิได้มามาหนึ่งตัว      พบพุ่มผัวคัพภาสุมามาลย์            ใครเกิดจากครรภ์ยามจันทร์คืนวันหัส     ไม่ข้องขัดเป็นสุขสนุกสนาน      แม้นจะหาภรรยายุภาพาล        ได้แต่งงานกับสตรีที่ร่ำรวย         สัตว์สี่ เท้าสองเท้าทั้งข้าวของ     ลาภเนืองนองมีมาล้วนสะสวย

ยาม ๓ (๒๑.๐๐ - ๒๒. ๓๐ )
 ยามศุโกรอัศวก็มาด้วย            พระรูปสวยทวนทัพกลับสู่วัง         นาทีนี้ดีเลิศใครเกิดมา                คลายทุกข์ปลอดภัยดังใจหวัง      หากเที่ยวไกลพาราสัจจยัง    คงกลับหลังได้สมอารมย์คิด

ยาม ๔ (๒๒.๓๐ - ๒๔.๐๐ )
ยามภุมโมสัชนูได้คู่ครอง       ขึ้นปรางค์ทองร่วมภิรมย์สมสนิท           ใครตกฟากยามนี้สมนึกคิด     ทั้งญาติมิตรมากมูลพูลโภคา     อีกช้างม้าวัวควายทาสชายหญิง       ลาภทุกสิ่งสมปองไม่ต้องหา

ยาม ๕ ( ๐๐.๐๐ - ๐๑.๓๐ ) 
ยามเสาโรสี่ทุ่มกลุ้มอุรา      พาชีพาหน่อไทไปเมืองมาร   ใครตกฟากจากท้องต้องทุกข์ทัพ      ถึงรวยทรัพย์ก็ต้องพรากจากสถาน   ไปตั้งตนที่อื่นชื่นสำราญ        พลัดวงศ์วานญาติกาอยู่ช้านัก

ยาม ๖ ( ๐๑.๓๐ - ๐๓.๐๐)
ยามพุทโธสัชนูอยู่ศาลา        ทั้งอาชาขององค์พระทรงศักดิ์         นายโคบาลเป็นผู้ร้ายได้มาลัก     รีบขึ้นชักอาชารีบพาไป      ใครตกฟากยามนี้ไม่ดีหลาย         มีวัวควายต่างๆสร้างไม่ไหว         มักเกิดมีผู้ร้ายลักได้ไป        ตามนิสัยโชคร้ายในกายเรา

ยาม ๗  ( ๐๓.๐๐ - ๐๔. ๓๐ )
ยามระวีสัชนูผู้จอมขวัญ        ลงกำปั่นลำใหญ่ไปกับเขา        มีพายุใหญ่แรงจัดพัดสำเภา       กระโดงเสาหักแยกเรือแตกพลัน        สัชนูโฉมฉายต้องว่ายน้ำ         ใครเกิดยามนี้วิโย๕ต้องโศกศัลย์ มักเสียเรือเมื่อไปทางไกลนั้น       แทบชีวันวอดวายเสียหลายที

ยาม ๘ ( ๐๔.๓๐ - ๐๖.๐๐ )
ยามชีโวรุ่งแจ้งสั่งแสงใส           พระหน่อไทขึ้นจากนทีศรี        พบนางแก้วคัพภาสุมาลี             ก็ที่มุ่งมาดปรารถนา        ยามรุ่งนี้นาทีผู้ใดได้        จะคล่องคลายแคล้วทุกข์เป็นสุขขา     สิ่งของหายได้หลบจะพบมา        ไม่เสื่อมซาสิ้นทรัพย์นับอนันต์

 กลับไปหน้าแรก "ยามตกฟาก"


สารจากฤาษีลิงกัง

อัตตชีวประวัติของฤๅษีลิงกัง  ถิรธมฺโม (พระวรกันต์ ถิรธมฺโม)
โดยย่ออย่างพิศดาร (จาก เฟสบุ๊ค 27 มค. 2556 )



ข้าพเจ้าเกิดเมื่อวันเสาร์ที่ ๒๔ พฤษภาคม ๒๕๑๒ ปีระกา ที่กรุงเทพ เขตพาหุรัดคลองถม บ้านข้าพเจ้าอยู่ ใกล้ ๆ กับวัดเล่งเน่ยยี่ เยาวราช และเล่งฮั้ว ตำหนักเซียนเทพฤทธิ์ จบการศึกษาชั้นมัธยมจาก โรงเรียนเซนต์จอห์น สายวิทย์ และระดับมหาวิทยาลัยจาก ม.กรุงเทพ นิเทศศาสตร์ เอกประชาสัมพันธ์


ข้าพเจ้าได้เริ่มต้นชีวิตทำงานที่บริษัท โซนี่มิวสิคไทย เป็นแผนกประชาสัมพันธ์ และได้กลายเป็นนักดนตรีนามวง กระฉูด บันทึกเสียงที่โซนี่มิวสิค ในเวลาต่อมา ข้าพเจ้าได้เลื่อนตำแหน่งขึ้นเป็น ครีเอทีฟไดเร็คเตอร์ ที่บริษัทยูบีซี ในขณะชีวิตที่ดูกำลังจะรุ่งโรจน์ด้วยไฟราคะ โมหะ ในอุดมการณ์ที่ถูกปลุกเร้า เหมือนราวกับว่ากำลังสะกดจิตตัวเองอยู่ตลอดเวลา จากนั้นไม่นานนักก็เกิดเหตุอัศจรรย์ ข้าพเจ้าเกิดอาการคล้ายมีญาณทิพย์มาผ่านที่กายและใจของ ข้าพเจ้า และไม่สามารถใช้ชีวิตติดกรรมอยู่ในสังคมต่อไปได้อีก จึงตัดสินใจออกมาจากอนาคตของตัวเอง แล้วเดินทางไปเสาะหาสมการลึกลับที่ เกาะช้าง จังหวัดตราด โดยถือเพศเป็นฤๅษีชีไพร สอนศิลปะ และเล่นดนตรีอยู่ที่นั่น

สองปีต่อมา ข้าพเจ้าได้พบกับพระภิกษุหนุ่มผู้หนึ่ง ท่านมาสั่งสอนข้าพเจ้าทางนิมิต ตอนหลังจึงได้รู้ว่าท่านคือ หลวงปู่เทพโลกอุดร ท่านให้ข้าพเจ้ากลับบ้านไปลาพ่อแม่ เพื่อถือเพศเป็นบรรพชิต ออกธุดงค์ไปโปรดสรรพสัตว์ตามอย่างพระเถราจารย์แต่ครั้งบุราณบานบุรี ก็เห็นตามนั้นด้วยกับองค์ท่าน ฃึ่งข้าพเจ้าก็ได้ออกบวชสมใจนึกบางลำพูอย่างง่ายดาย และไร้อุปสรรคใด ๆ มาแผ้วพาน

นับจากวันนั้นมาจนกระทั่งทุกวันนี้ นับเป็นเวลาที่ครองเพศบรรพชิตอยู่ได้ ๑๕ พรรษาเต็ม ๆ สร้างวัดมาแล้ว ๕ ที่ ออกเดินทางโปรดสรรพสัตว์ทั้งสิ้น ๑๘ จังหวัดทั่วประเทศ ช่วยเหลือชีวิตเพื่อนมนุษย์ตามรายทางไม่ต่ำกว่าปีละ ๕๐๐ คน จนกระทั่งปัจจุบัน รวมประมาณชีวิตติดกรรมที่ข้าพเจ้าได้สงเคราะห์ไว้ทั้งสิ้นไม่ต่ำกว่า ๑ หมื่นชีวิต

จนใกล้จะถึงเหตุการณ์ที่โลกกำลังจะถูกชำระล้างสังสารวัฏ ข้าพเจ้าจึงได้ถูกหมายเกณท์จากฟ้าดิน กำหนดให้แวะเวียนเข้ามาพบกับญาติธรรมในชุมชนเฟซบุ๊คแห่งนี้ และนี่คือก้าวที่สำคัญที่สุดในเพศบรรพชิตของข้าพเจ้า ที่จะขอตอบแทนบุญคุณข้าวน้ำของญาติธรรม และเสียสละตัวตนที่เหลืออยู่ เพื่อตอบแทนบุญคุณแผ่นดินแม่ที่รักยิ่งของข้าพเจ้า นับแต่วินาทีนี้เป็นต้นไป

และบัดนี้ ถึงเวลาแล้วที่ข้าพเจ้าในเพศบรรพชิต ที่มีฉายานามว่า ฤๅษีลิงกัง พร้อมแล้วที่จะขอเป็นหนึ่งในผู้ชี้นำกลุ่มญาติธรรม ผู้รักในธรรมและเคารพในผืนแผ่นดินแม่ของตนให้รอดพ้นจากมหาภัยพิบัติล้างสังสารวัฏ ด้วยหลักธรรมาภิบาลที่ข้าพเจ้าได้ศึกษาและปฏิบัติมาพอสมควรแก่การได้รับความไว้วางใจจากเหล่าญาติธรรมทั้งหลายให้เป็นเสมือนพระผู้ฃ่วยให้รอดจากช่วงเวลาแห่งความร้ายแรงยิ่งในครานี้ 


สุดท้ายนี้ อาตมภาพขออ้างถึงอำนาจอันศักดิ์สิทธิ์แห่งสวรรค์และฟ้าดิน จงโปรดเมตตาต่อเพื่อนมนุษย์ผู้ยากไร้ ขอได้โปรดประทานพละกำลังอันศักดิ์สิทธิ์ที่ไม่รู้จักจบจักสิ้น ให้แก่อาตมาและคณะลูกหลานชาวไทย และพุทธบริษัททุกคน จงมีมหาสติมหาปัญญา นำพาให้คนไทยผู้รักชาติทุกคน รอดพ้นจากเหตุร้ายภัยพิบัติประจำสังสารวัฎฎ์ในครั้งนี้ จงทุกท่าน ทุกคนเทอญ เจริญพร


พระวรกันต์ ถิรธมฺโม (ฤๅษีลิงกัง) เขียนออกมาอย่างชัดเจน จากดวงใจที่เที่ยงแท้
------------------------------------------------------------------------------------------------------

  ฤาษี ลิงกัง ถิรธม.โม  เตือนในเฟสบุ๊ค  16 กพ. 2556

นับจากวันนี้ไปอีกไม่เกิน๑ปี โลกจะเข้าสู่ภาวะ"สงครามใหญ"่ เป็นสงครามที่หลากหลาย ยืดเยื้อและโหดร้ายทารุณที่สุดเท่าที่ประวัติศาสตร์โลกเคยจารึกไว้
ฤาษีลิงกัง เตือนเหล่าญาติธรรมด้วยรักและหวังดียิ่งต่อเพื่อนมนุษย์ เพราะบทบาท หน้าที่ และความเป็นพุทธภูมิเข้มของตนเองอีกองค์หนึ่งในจำนวนเหล่าขบวนการพระพุทธภูมิเข้มอีกหลายร้อยหลายพันองค์ที่ลงมาเพื่อปฎิบัติภารกิจชิ้นนี้ ก่อนลาพระพุทธภูมิเข้าสู่กระแส อริยะภูมิในกาลข้างหน้า สืบไป

จบ ข่าว
ฤาษีลิงกัง ถอดคำทำนายจากเหล่าครูบาอาจารย์ที่ตนเองเคารพยิ่งได้เตือนเอาไว้นานแล้ว
                                      ( ลอกมาเก็บไว้ดู (วันนี้ ) ซิว่า อาจารย์แม่นจริงหรือเปล่า นาย กล้วย)


สาส์นเตือนภัยฉบับถาวรไม่อิงนิทานจากอีตาฤๅษีลิงกวนรวบรวมมา
โพสวันที่ 21 กพ.2556

ภัยพิบัติปี๕๖นี้จะมาจากแผ่นดินไหวขนาดใหญ่จากฝั่งอ่าวไทย มีผลทำให้เกิดมวลน้ำมหาศาลพุ่งเข้ามาที่ประเทศไทยของเรา เกิดภัยน้ำท่วมทั่วกรุงเทพบริเวณริมเจ้าพระยาทั้งสองฝั่ง มีกำหนดสองระยะคือ กลางเดือนกุมภาพันธ์และกลางเดือนพฤษภาคม

หลวงปู่ดำท่านเอ่ยมาว่า ให้ระวังน้ำจากทางอ่าวไทยเป็นหลัก หลังฝนครามลั่นครืนจะยืนได้เข้าสู่ยุคมหาชนคนพาไป ประชาชนจะเป็นใหญ่ในแผ่นดิน สำหรับอาณาเขต ประเทศไทยจะเสียหายจากภัยพิบัตประจำปีนี้ประมาณสิบเปอร์เซ็นต์ และไม่มากกว่านี้ ความเสียหายส่วนใหญ่อยู่ใกล้ชายฝั่งทะเลบริเวณอ่าวไทยทั้งสองฝั่ง และที่ราบลุ่มริมแม่น้ำทั่วประเทศและตามเมืองหลวงทั่วไป จะเกิดผลกระทบจากอุทกภัยที่มาจากแผ่นดินไหวขนาดหนักส่วนทั่วโลกจะเสียหายประมาณสามสิบเปอร์เซ็นตลอดทั้งปี อันเป็นเหตุให้เกิดสงครามความอดอยากแย่งชิงปัจจัยสี่ในปีสุดท้ายแห่งวิกฤติคือปี๕๗ตลอดทั้งปีอีกด้วย

ส่วนคำทำนายจากผู้วิเศษเกือบทั้งหมด ถูกเปลี่ยนแปลงแล้วเพราะปัจจุบัน พระมหาโพธิสัตว์มากบารมีได้ถือกำเนิดขึ้นแล้วทั่วโลกโดยเฉพาะประเทศไทยของเรา ดังนั้น คำทำนายแรงๆเช่นเขื่อนแตก ลูกเห็บยักษ์ ซอมบี้ผีดิบจากโรครังสีดวงอาทิตย์ โรคระบาดไวรัส วันฟ้าดับ แผ่นดินแยก ภูเขาไฟระเบิด มหาวายุ และซุปเปอร์ซึนามิจะไม่เกิดขึ้นในประเทศไทยของพวกเราอีกต่อไป คงเหลือแต่ภัยน้ำท่วม ทางภาคกลางและภาคใต้ แผ่นดินสไลด์ตัว ทุกจังหวัดและความแห้งแล้ง ร้อนอบอ้าว จนเกิดภาวะขาดแคลนน้ำดื่มน้ำใช้ และปัจจัยสี่ไม่พอเพียงตลอดทั้งปี ๕๖-๕๗ สารเตือนภัยนับเป็นภัยพิบัติตามธรรมดาๆของธรรมชาติทั่วๆไปของเรานั่นเอง

ทั้งหมดนี้ คือคำตอบจากพระอริยะเจ้าผุ้ที่สาธุชนคนดีทั่วไปยอมรับ หลวงตาม้าแห่งถ้ำเมืองนะ ศิษย์ใกล้ชิดที่สุดของหลวงปู่ดู่ หลวงปู่ทวดครับ
ปล ท่านที่รักจงอย่าลืมภาวะการขาดแคลนน้าดื่มและอาหารตลอดทั้งสองปีนี้ เกิดจากภาวะข้าวยากหมากแพง ขาดแคลนน้ำมัน ราคาค่าเงินตกต่ำและราคาข้าว ปัจจัยสี่ น้ำมันดิบ และทองคำจะมีค่าสูงมากนะครับ

จึงเรียนมาเพื่อเตือนใจสาธุชนทุกๆท่านอีกครั้งหนึ่ง และอย่าลืม โอกาสดีๆอย่างนี้ จงช่วยกันขันอาสาเข้ามาร่วมเป็นส่วนหนึ่งของขบวนการ "สงเคราะห์แผ่นดิน"หรือ FMC (FEED MY COUNTRY)ของฤๅษีลิงกังด้วยนะ ขอเจริญพร
                                                                            ฤๅษีลิงกังและคณะลิงกวน

จากโพส.ใน FB ของท่าน 19 เมย. 2556


สาส์นจากป่าลึกของครูบาอาจารย ฉบับที่ 1

1 สงครามเกิดขึ้นแน่นอน แต่ไม่เรียกว่าสงครามโลกครั้งที่สามเพราะไม่ได้แย่งออกเป็นสองขั้วสองฝ่ายอย่างในอดีตที่ผ่านมา แต่เป็นสงครามกองโจรหรือสงครามใหญ่ มัความโหดร้ายทารุณสูงสุดเท่าที่โลกเคยพบเคยเห็นมา


ภาพพึ่งทำใหม่ 15 เมย. 2560

โดยแบ่งฝ่ายได้ดังน้
1.1 จีน เกาหลีเหนือ รัสเซีย อินเดีย
1.2 อเมริกา อังกฤษ อิตาลี ยุโรปและเกาหลีใต้
1.3 ฝ่ายตะวันออกกลางที่เป็นสาวกกองโจรของอุสมา บินลาดีน
1.4 ฝ่ายที่ไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใดๆเช่น ญี่ปุ่น ไทย ้
2 คดีเขาพระวิหาร ฝ่ายไทยจะมีชัย ทำให้ฝ่ายเขมรเดือดร้อน ประกอบกับแมนโนซิตตี้หน้าเหลี่ยมวางแผนกลับบ้าน จึงเกืดเป็นการจุดชนวนสงครามกับบ้านเราประมาณกลางเดือนพฤษภานี้
3 ราคาทองคำจะผันผวนอยู่แค่ระยะไม่เกิน1ปีและ ราคาทองจะตกถึงบาทละหมื่นหรือต่ำกว่านั้น หลังจากนั้นภายในปี57ราคาทองจะพุ่งสูงสุดจนไม่สามารถกำหนดราคาที่แท้จริงได้อีกต่อไปตลอดช่วงภาวะะสงครามใหญ่ครานี2556-2558
4 ข้าวสารอาหารแห้ง น้ำมันและปัจจัยสี่จะแพงสุดๆในปีหน้า2557
5 ปีนี้ภัยพิบัตทั่วโลกิจะรุนแรงถึงขีดสุดได้แก่ อัคคีภัย(ไฟป่ามรณะ) แผ่นดินไหวทั้งบนบกและใต้น้ำ น้ำท่วมเนื่องจากภาวะน้ำแข็งขั้วโลกละลายหมดสิ้นและซุปเปอร์ซึนามิ เกิดความเสียหายทั่วโลกประมาณสามสิบเปอร์เซ็นต์ สำหรับประเทศไทยเสียหายน้อยที่สุดคือไม่เกินสิบเปอร์เซ็นต์ โดยเฉพาะริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยาทั้งสองฝั่ง และภาคใต้ส่วนใหญ่โดยเฉพาะเขตที่ติดชายทะเล
จึงเรียนมาเพื่อให้ญาติธรรมคนไทยใจรักชาติรักพระนิพพานได้รับทราบและนำไปเป็นแหล่งข้อมูลดิบในการค้นคว้าพิจารณาหาหลักฐานข้อเท็จจริงที่ถูกต้องที่สุดสืบต่อไป จนกว่าไทยจะก้าวเข้าสู่ยุคชาติก้องฟ้า ชาววิไลในอนาคตอันใกล้นี้
ทีมงานสงเคราะห์แผ่นดิน รายงานสดจากป่าลึก อุตรดิตถ์

---------------------------------------------------------------------------------------------       

นิทานพระราหู

พระราหู
เรื่องพระราหูนี้เป็นเรื่องยาว ถ้าให้เล่ากันจริงๆ แล้วยาว เพราะเป็นเรื่องหัวใจของโลก เป็นหัวใจของโหราศาสตร์ไทย เป็นเจ้าผู้ปรุงแต่งโลกธาตุ  ผมก็เคยร่ำเคยเรียนมาบ้างแบบมั่วๆตามสไตล์ 


โลกนี้มีพระราชาอยู่ ๒ พระองค์คือพระอาทิตย์กับพระราหู แบบพื้นๆคือกลางวันพระอาทิตย์เป็นใหญ่ แต่เมื่อค่ำลงเจ้าแห่งความมืดก็เข้าปกคลุม  พระราชานามพระราหูก็มีอำนาจขึ้นมาแทน   บริวารพระราหูไม่ต้องอาศัยแสงสว่าง ไปหากินแบบมืดๆ หากสว่างแล้วมองไม่เห็น หรือไม่ก็แสบตา  เช่นพวกผีทั้งหลาย ค้างคาว งู มูสัง นักร้อง หมอนวด นักการเมืองพวกหนึง พ่อค้าแม่ค้า ที่ทำมาหากินลับๆ ลับก็คือความมืดประเภทหนึ่ง

หากจะคิดแบบอาทิตย์เป็นราชาในสมัยหนึ่ง โลกก็เป็นอยู่อีกแนวอีกแบบ ไม่ขอกล่าวถึงท่านต้องคิดเอาเอง กับยุคยุค สมัยพระราหูเป็นเจ้า  ซึ่งน่าจะตรงกับสมัยนี้ คือยุคที่พ่อค้านายทุน และการปรุงแต่ง แสง สีเสียง รูป กลิ่น รส เป็นใหญ่ พระราหูได้เริงร่า หมุนเงินตราแปรปลี่ยนโลกธาตุเป็นสิ่งของได้ตามประสงค์ ยิ่งเทคโนโลยีเจริญรุ่งเรืองแล้วพระราหูยิ่งสนุก ย้ายร่างแปลงเงามันส์ ฮาได้ทั่วจักรวาล  อย่าไปขวาง ทีใครทีมัน สมัยไหนใครเป็นเจ้าก็ต้องหลีกทางให้เขา เป็นเพียงยุคสมัยหนึ่งไม่ใช่ตลอดกาล

ตามนิทานแล้วเขาว่าพระราหูมีกายาสีดำ  เพราะอาจเห็นบนฟ้าเวลาจะอมอาทิตย์และจันทร์ว่าท่านดูดำๆเป็นเงามืด 
อาทิตย์กับจันทร์ไม่ได้ดำแต่ขาว หรือเหลือง ทองดูอวบอั๋น มีประกาย แต่โหรบางท่านที่ดังมากๆว่าพระราหูชอบของดำ ผมก็ไม่เชื่ออีก แต่ก็ไม่แน่ท่านอาจไปอมของดำที่ไม่มีใครเห็นก็ได้ รสนิยมพระราหูดูท่านมีรสนิยมคล้ายพวกฝรั่งชอบของดำ หน้าตาบ้านๆ  แต่ก็อย่างว่าพระราหูมีตั้ง ๘ ภาค บางภาคอาจชอบของดำจริงก็ได้    แต่โดยปกติดวงชะตาใครหากพระราหูเด่นมักรวย เป็นใหญ่เป็นโต มีของดีให้อมทั้งปีแบบเลือกได้เสียด้วย  สมัยนี้จะเก่งทางเล่นหุ้น ทุบหุ้นให้ตกแล้วเลือกช้อนเอาแบบสบายๆเป็นต้น รวย รวย มักจะได้เป็นใหญ่เป็นโต แต่ปัญหาของพระราหูในอดีต คือท่านแปลงร่างแอบเข้าไปดื่มน้ำอัมฤทต ที่เหล่าเทวดากับอสูรกวนช่วยกันกวนสมุทร แต่ถูกจับได้ ถูกจักรพระนารายณ์ขาด ๒ ท่อนแต่ไม่ตายกลายเป็นเทพฯ ที่มีแต่หัวกับหาง เหาะร่อนเร่ไปในอากาศกลับบ้านไม่ได้ จะกินอะไรก็ไม่ได้ ได้แต่ อม อม เอาไว้ กินเข้าไปก็รั่วเหมือนโดนยึดทรัพย์ โดน ดีเอสไอสอบสวน หาเรื่องยึดทรพย์ที่เล่นหุ้นมาได้ ทำธุรกิจมาได้  ทีคนทำบุญมาได้ไปหมด  ด้วยความแค้นจึงตามมาอมพระอาทิตย์และพระจันทร์ ซึ่งเป็นเทพฯที่ไปแอบบอกพระนารายณ์ให้รู้ว่าพระราหูปลอมตัวมาแอบกินน้ำอัมฤต

ยืมภาพจากASTV ผู้จัดกวน ออนไลท์มาครับเห็นว่า ๒ ท่านนี้ชะตาชีวิต คล้ายๆในนิทานพระราหู

การบูชาพระราหู ตามตำรับของโหร อรรถวิโรจน์ ศรีตุลาจะใช้ของดำ ๘ อย่าง ดังนี้ไก่ดำ เหล้าดำ การแฟดำ เฉาก๊วย ข้าวเหนียวดำ ถั่วดำ ขนมเปียกปูนดำ และไข่ดำ และเป็นที่ทราบกันดีในหมู่ประชาชนว่า วัดที่มีการจัดพิธีบูชาพระราหูอย่างยิ่งใหญ่ คลื่นมหาชนชาวพุทธแห่แหนมากราบไหว้ บูชาพระราหู ที่มีชื่อเสียงได้แก่ วัดศีรษะทอง ที่ตั้งอยู่ ตำบลศีรษะทอง อำเภอนครชัยศรี จังหวัดนครปฐม ซึ่งมีการจัดงานเป็นประจำทุกปี นักการเมืองดังฝั่งเน้นเพื่อเงินเห็นไปกันหลายคนหลายหนผมไม่อยากบอกว่ามีใครมั่ง  แต่อีกฝั่งก็อาจมีแอบไปแต่ยังไม่เห็นในข่าว

ท่านว่าพระราหูชอบของดำ เลยต้องถวายของดำ ไม่รู้ท่านจะโปรดจริงหรือเปล่า  เป็นความเชื่อ ?
พระราหูเท่าที่ผมเคยอ่านผ่านๆตามา มี ๖ ตับ ๘ ภาคหรือ ๘ ตน เรียกว่าอัฐคชนาม มี ราหูกำบัง ราหูจำบัง ราหูเสวย ราหูบังเงา ราหูก้อนเส้า ราหูเกณท์ ราหูนักพรต ราหูอวตาล ราหูให้คุณหรือแรงตาม
พระเคราะห์หรือเรือนที่ท่านไปอยู่ด้วย ดีร้ายเป็นมนุษย์บัญญัติ โลกธาตุไม่เกี่ยวดีชั่ว มีแต่แรงเบา อ่อน ตึง แปรไปตามคุณลักษณเดิมๆของพระเคราะห์นั้นไปเสริมธาตุให้แรงขึ้น

พระราหูดีหรือไม่ดี ทางพระทางธรรมไม่ดีแน่เพราะอยู่คนละด้าน ถือเพศเป็นบรรพชิตแล้วหากถือคติว่าว่าราหูดี หรือราหูต้องดี ต้องโดนสึก ชาวโลกถ้าว่าราหูไม่ดีก็อย่าไปมีครอบครัว เพราะปรุงแต่งให้เกิดต่อเนื่องไม่ได้ ท่านต้องรู้เพศตัวเอง สมณเพศนั้นราหูต้องไม่ดี ส่วนคฤหัสถ์หรือผู้ครองเรือนนั้นราหูต้องดี จึงจะเจริญตามวิถีโลกครับ


ตำนานพระราหูจริง

พระราหู : โหราศาสตร์ ศีรษะมังกร, ผีซาตาน พระวิษณุชุบขึ้นมาจากหัวผีโขมด ๑๒ หัวจึงมีกำลลัง ๑๒ ออกจากภูมิกลางไปประจำอยู่ทิศ พายัพ (พวยัพ มาจากคำว่า พายุร้าย) ตามโลกธาตูพระราหู คิดตามธาตุถือเป็นธาตุลม ถือตามผมเองเป็นธาตุลมตัวเมีย

พระราหูเป็นพญาอสูรแต่เพียงผู้เดียวที่มีความเป็นอมตะในบรรดาหมู่ อสูรเทพทั้งหมด จึงได้รับการยกย่องจากพระพรหมให้เป็นเทพองค์หนึ่งด้วย อสูรราหูเป็นบุตรของพระ กัศยปเทพบิดรกับนางสิงหิกา แต่กลับมีร่างกายเป็นยักษ์ร้าย

เมื่อทวยเทพกับอสูรได้ทำสงครามกันครั้งใด อสูรราหูก็จะเป็นตัวตั้งตัวตีในการ นำทัพอสูรเข้าบุกแดน ดาวดึงสาพิภพของพระอินทร์ทุกครั้ง แต่ก็ไม่สามารถเอาชนะพระอินทร์ได้ ต้องถอยทัพกลับมาทุกครั้งไปเช่นกัน แต่เมื่อพระอินทร์ถูกฤาษีสาปให้ถอยฤทธิ์ลง พระอินทร์และ เทวดาบริวารก็พ่ายแพ้แก่พวกอสูรตั้งแต่บัดนั้นเป็นต้นมา พวกเทวดาจึงถูกพวกอสูรฆ่าตายลงไป จนเกือบหมด พระอินทร์ก็หมดปัญญาที่จะต่อสู้อีกต่อไป จึงได้พาเทวดาบริวารไปกราบทูลขอ ความช่วยเหลือจากพระนารายณ์ผู้เป็นเจ้า ในทะเลน้ำนมอันเป็นที่สิ่งสถิตของพระองค์



เทวดา และอสูร ช่วยกันกวนเกษียรสมุทร เพื่อทำน้ำอัมฤต
พระนารายณ์ก็แนะนำให้ทำพิธีกวนน้ำทิพย์ เมื่อกินแล้วจะได้มีความเป็นอมตะ คือไม่รู้จักตาย แต่ทรงเห็นว่าลำพังเฉพาะพวกเทวดาแล้วคงทำงานใหญ่ครั้งนี้ไม่สำเร็จ จำเป็น ต้องอาศัยแรงและฤทธิ์ของพวกอสูรด้วยจึงจะทำได้ จึงทรงบอกให้พระอินทร์และบรรดาเทวดาไป ขอร้องให้พวกอสูรมาช่วยด้วย ให้แกล้งหลอกทำสัญญากับพวกอสูรว่าถ้ากวนน้ำทิพย์สำเร็จแล้วก็ จะแบ่งให้พวกอสูรครึ่งหนึ่งของน้ำทิพย์ที่ได้ทั้งหมด แต่พอได้น้ำทิพย์แล้วก็ค่อยหาทางหลีกเลี่ยง กันทีหลัง คือไม่ยอมให้พวกอสูรได้กินน้ำทิพย์นั้นกันเสียเลย พระนารายณ์ทรงรับรองว่าถึงตอน นั้นพระองค์จะทรงจัดการกับพวกมันด้วยพระองค์เอง

เมื่อพวกเทวดาไปทำสัญญากวนน้ำทิพย์ร่วมกันกับพวกอสูรเป็นผลสำเร็จแล้ว พิธีกวนน้ำทิพย์จึงได้เริ่มขึ้น ณ ทะเลน้ำนมนั่นเอง ด้วยการยกเอาภูเขามันทรมาเป็นเครื่องกวนน้ำ ในทะเลน้ำนมนั้น บรรดาเทวดาและอสูรตางก็ออกไประดมกันเก็บเกี่ยวเครื่องยาสมุนไพรที่มีอยู่ทั้ง สามโลกนานาชนิดเป็นจำนวนมหาศาลมาทุ่มทิ้งลงไปในทะเลแห่งนั้นแล้วเอาพญานาควาสุกรีมา พันรอบเขามันทรต่างสายเชือกสำหรับให้เทวดาและอสูรช่วยกันดึงไปมาปั่นภูเขาให้หมุน เพื่อให้ เครื่องยากับน้ำในมหาสมุทรเข้ากันจนเกิดเป็นน้ำทิพย์ที่ต้องการ


เมื่อถึงเวลาของการดึงเชือกหรือ พญานาคพวกเทวดาก็เริ่มเอาเปรียบตั้งแต่เริ่มแรกกันทีเดียว ด้วยการพากันไปดึงส่วนที่เป็นหาง ของนาค พวกอสูรจึงจำต้องไปดึงที่ส่วนหัวของพญานาค พวกเทวดาและอสูรต่างก็ช่วยกันปั่น ช่วยกันกวนน้ำทิพย์จนเป็นเวลาช้านาน พญานาควาสุกรีได้รับความทุกข์ทรมานิ่งจึงพ่นพิษออก มาเป็นไฟถูกพวกอสูรบาดเจ็บและอ่อนแรงลง อสูรราหูก็เป็นผู้หนึ่งที่ต้องการแรงฉุดอยู่ทางหัวนาค จึงต้องได้รับทุกข์ทรมานและเจ็บปวดไปด้วยพิษนาคด้วย แต่ก็จำต้องอดทนเพื่อความสำเร็จจึง ต้องทนทำต่อไป แต่ก็ให้รู้สึกคิดแค้นพวกเทวดาอยู่ไม่หาย อสูรราหูจึงมุ่งมั่นที่จะเป็นอมตะให้ได้