คำทำนายของเด็กชายปลาบู่

คำทำนายของเด็กชายปลาบู่ (รวบรวมเก็บไว้เป็นกรณีศึกษา กพ . 2555 brn )
ดูเหมือนว่าภัยพิบัติ และเหตุการณ์ความวุ่นวายและภัยพิบัติต่างๆที่เกิดขึ้นในโลกเมื่อไม่กี่ปีที่ผ่านมาตั้งแต่ พายุแคททรีน่า ถล่มนิวออลีน อเมริกา แผ่นดินไหวใหญ่ที่ ไฮติ ที่จีน ทซึนามิถล่มอันดามัน ถล่มญี่ปุน น้ำท่วมใหญ่ ออสเตรเลีย ปากีสถาน ไทยเราเองล่าสุดเมื่อปี 2553-2554 ที่ผ่านมา ประกอบกับคำพยากรณ์ต่าง ๆ จะยิ่งทำให้ชาวโลกยิ่งเชื่อว่า คำทำนายโลกแตก ในปี 2012 ดูท่าจะเป็นจริงมากขึ้นทุกที 


ภาพวาดเด็กชายปลาบู่  กับภาพลุงทองใบพ่อของเด็กชายปลาบู่

และที่ฮิตล่าสุดคือคำบอกเล่าของเด็กชายปลาบู่ ที่สถานีฯทีวี หนังสือพิมม์ หรืออินเตอร์เน็ตตามไปสอบถามลุงทองใบกันถึงบ้านแล้วก็นำมาเสนอข่าวกันมากในขณะนี้ เรื่องจะเป็นยังไง จะเชื่อ จะตื่นกลัว หรือจะบันทึกไว้ ส่วนผมขอบันทึกไว้เพื่อจะได้เก็บไว้ดูทีหลัง จะได้เป็นเครื่องเตือนสติว่าอย่าตื่นข่าว หรือถ้าเกิดจริงก็ต้องยอมรับ (ASTVผู้จัดการสุดสัปดาห์)-ที่กล่าวขวัญกันมาก กับเรื่องราวของเด็กชายปลาบู่ หรือ สุทัศน์ คำสี เด็กชายวัย 5 ขวบเศษๆ หลังจากที่ลุงทองใบ คำสี อายุ 73 ชาวจังหวัดจันทบุรี ได้เล่าเหตุการณ์ ถึง เด็กชายปลาบู่ ได้บอกเล่าไว้ก่อนเสียชีวิต เมื่อ 37 ปีที่ผ่านมา แต่่ว่าในความรู้สึกของผมหลายๆคำทำนายหลายท่านล้วนเกิดจากความห่วงใยหาได้เป็นการอวดรู้ หรือคิดไม่ดีต่อเพื่อนมนุษย์ไม่ เว้นเสียจากว่าแค่รู้ไม่จริงเท่านั้น “ศูนย์ข่าวศรีราชา” จึงได้เดินทางไปพบกับลุงทองใบถึงบ้านที่ตำบลทรายขาว อำเภอสอยดาว จังหวัดจันทบุรี เพื่อเจาะลึกถึงเรื่องราวแห่งคำทำนายของเด็กชายปลาบู่ในทุกแง่มุม

ลุงทองใบ เล่าให้ฟังว่า….ก่อนที่ปลาบู่จะเสียชีวิต ปลาบู่ได้มาบอกว่า อีก 14 วันหนูจะตายแล้ว หนูอยากคุยกับพ่อ โดยที่ผ่านมาปลาบู่ ก็จะชอบพูดแต่เรื่องอยากตาย และมาขอกับพ่อว่าจะให้ตัวเองตาย ซึ่งในขณะนั้นลุงก็ไม่ได้สนใจอะไร จนอยู่มาวันหนึ่ง ปลาบู่ก็มาขอว่าจะตายอีก ลุงก็เลยพูดแบบไม่ได้คิดว่า เออๆ อยากตายก็ตายไปเลย แล้วหลังจากนั้นปลาบู่ก็ตายไปจริงๆ ทั้งนี้ ลุงทองใบ ได้รับฟังเรื่องราวจากปลาบู่มากมาย หลาย ๆ เรื่อง ทั้งเรื่องอดีตชาติ ของปลาบู่ กับพ่อ รวมทั้งเรื่องเหตุการณ์ต่างๆ ที่จะเกิดขึ้นบนโลกของเรา ซึ่งในช่วงนั้นก็ฟังไปเพราะไม่คิดว่าจะเกิดขึ้นจริง แต่หลังจากที่เกิดเหตุการณ์ต่างๆ เกิดขึ้นจริงตามคำบอกเล่าของปลาบู่ จึงได้ฉุดคิดแล้ว แล้วรู้สึกไม่สบายใจ ว่าทำไมเราไม่บอกเรื่องราวต่างที่จะเกิดขึ้นให้กับผู้ที่มีอำนาจที่จะสามารถป้องกันได้ จึงได้ เล่าเรื่องราวต่างๆให้ทุกคนได้ฟัง



เขื่อนภูมิพล จังหวัดตาก

สำหรับเรื่องที่ปลาบู่เล่าให้ลุงทองใบฟังมีหลายเรื่องด้วยกัน เริ่มจากเรื่องอดีตชาติของเขา และบุคคลสำคัญ ๆ เรื่องภัยพิบัติที่จะเกิดขึ้นในประเทศไทยและโลกในอนาคต เรื่องราวในอนาคตของประเทศไทย เรื่องสงครามโลกครั้งที่ 3 เรื่องดวงอาทิตย์ โลก จักรวาล ธาตุ เหล็กไหล มีความเป็นมาอย่างไร เรื่องขุมทรัพย์ในแผ่นดินที่พระแม่ธรณีเก็บเอาไว้หลาย ๆ แห่ง เพื่อต้องการให้พ่อเป็น “สื่อ” บอกให้ทุกคนได้มีการเตรียมการป้องกันเขื่อนที่จะพังจากแรงแผ่นดินไหว การวางท่อใหญ่ ๆ เพื่อระบายน้ำจากตัวเขื่อนลงทะเลเพราะน้ำเมื่ออยู่ในท่อจะสามารถควบคุมได้ และเรื่องการขุดคลองลัดคอคอด ลูกน้ำเต้าเพื่อระบายน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยาให้ ไหลเร็วขึ้น

“ปลาบู่ บอกว่า หนูระลึกชาติได้จริง ๆ เป็นปู่ของปู่ทวด เป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ มีตาทิพย์ หูทิพย์ ร่างกายตัวเป็นไพฑูรณ์ เมื่อชาติก่อนโน้นหนูเคยเกิดเป็นพระชื่อ “อชิตะ” ตอนพระพุทธเจ้ายังมีชีวิตได้บอกว่าหนูจะได้เป็น “พระศรีอาริยเมตไตรย” ไม่ต้องมีตำรา ไม่ต้องมีคัมภีร์ก็เทศน์ได้ อยากให้พ่อช่วยบอกให้ท่านทราบ จะได้ป้องกันไว้ก่อนที่เขื่อนจะพังเพราะแรงแผ่นดินไหว เขื่อนกักเก็บน้ำที่จังหวัดตากจะพังเสียก่อน แต่สามารถแก้ไขได้ โดยการเอาเหล็กรางรถไฟไปหุ้มให้แข็งแรงเป็นเขื่อนเหล็ก จะได้พังไม่มาก

จากหนักจะได้เป็นเบา” “หนูมองเห็นความเสียหาย มีคนตายมากมาก อำเภอสามเงา ตาก นครสวรรค์ อโยธยา ปทุมธานี นนทบุรี โรงพยาบาลศิริราช ท่าเรือคลองเตย เครื่องบินโดยสารไอพ่นจมน้ำด้วย” เขาถามลุงว่า” รถไฟลอยฟ้ามันเหาะได้มัยพ่อ” ” รถไฟใต้ดินมันมุดน้ำได้มั้ยพ่อ?” ซึ่งในขณะนั้นยังไม่มีรถไฟลอยฟ้าและรถไฟใต้ดิน ใต้กรุงเทพฯ- ธนบุรีไม่มีลูกรัง-หิน มีแต่ทรายทับถมโคลนตมอยู่ลึกๆ “

“แม่น้ำเจ้าพระยาถูกขุดลอกให้ลึก ๆ เป็นอันตรายมาก ๆ เพราะทรายทับถมตมเลนเหลือบางมาก ๆทำให้ตมเลนปูดทะลักขึ้นมาในแม่น้ำเจ้าพระยา ตึกรามบ้านช่องสิ่งก่อสร้างที่มีน้ำหนักมาก ๆ จมดินยังไม่พอ เพราะเสาเข็มยังจมยังไม่ถึงดินดาน รถไฟยังวิ่งสะเทือนเขย่าเม็ดทรายที่หุ้มเสาเข็ม ทำให้เสาเข็มทรุดตัว หนูอยากให้รัฐบาลทำเขื่อนใต้น้ำ ดักทรายเป็นระยะเพื่อให้แม่น้ำเจ้าพระยาตื้นขึ้นเหมือนเดิม เพราะเมื่อขุดแม่น้ำเจ้าพระยาลึก ๆ ก้นแม่น้ำก็จะมีแต่ตมเลนน้ำหนักของสิ่งก่อสร้างริมแม่น้ำจะกดตมเลนในแม่น้ำ ให้ปูดขึ้นมา ทำให้เกิดการทรุดตัวของสิ่งก่อสร้างริมแม่น้ำ สิ่งก่อสร้างต่างๆ จะพังเพราะแรงแผ่นดินไหว น้ำในตัวเขื่อนที่พังยังไหลมาท่วมซ้ำเติม ทุกข์ยาก ลำบากมาก ๆ การสร้างเขื่อนใหญ่อยู่เหนือพระนคร เป็นอันตราย เพราะแรงแผ่นดินไหวแรงมาก จะเหมือนเมื่อก่อน ครั้งนาน ๆ โน้น ที่ไดโนเสาร์ตายหมด” นอกจากนี้ ปลาบู่ยังบอกลุงทองใบอีกว่า เขื่อนที่สร้างเสร็จแล้วยังไม่สมบูรณ์ เพราะไม่ได้วางท่อใหญ่ ๆ เพื่อเอาน้ำออกสู่ทะเล ไม่มีท่อปล่อยน้ำออกจากเขื่อน เพราะถ้าระดับน้ำในเขื่อนเต็มขึ้นมา ก็จะมีการปล่อยน้ำออกจากตัวเขื่อน น้ำก็จะท่วมบ้านเรือนที่อยู่ใต้ตัวเขื่อน 



ปลาบู่ถามลุงว่าอีก 27 ปี พ.ศ.อะไร ? นับจากวันที่คุยกันคือ 2544 จะมีเครื่องบินชนตึก และ อีก 30 ปี 

พ.ศ.อะไร? จะเกิดคลื่นยักษ์คนจะตายกันมาก อีก 35 ปี พ.ศ.อะไร? จะเกิดแผ่นดินไหวในต่างประเทศ แต่อีก 38 ปี (2555) จะเกิดอาเพศรุนแรง แผ่นดินไหวรุนแรงเกือบทั่วโลก จะโดนประเทศไทย กรุงเทพฯจมดินจมน้ำ เขื่อนที่จังหวัดตากก็พัง “ในเวลายามสอง ในคืนปีใหม่ คนไทยฉลองกันสนุกสนาน เกิดแผ่นดินไหวมีคนตายมากมาย” แต่ปลาบู่ ไม่ได้บอกว่าปีใหม่ไหน อาจจะเป็นปีใหม่ไทย จีน ฝรั่ง ลาว ก็ได้ แต่ในปี 2555นี้

“มาถึงตรงนี้ ลุงรู้สึกเสียใจมาก ปัจจุบันนี้ลุง อายุ 73 ปีแล้ว เป็นห่วงประเทศชาติ เชื่อว่าต้องเป็นความจริงตามที่ปลาบู่เล่า เพราะที่ผ่านมาเกิดขึ้นมาหมดแล้ว เหลือแต่ที่ยังไม่ถึง โดยเฉพาะเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น กับประเทศญี่ปุ่น ซึ่งเขาเป็นประเทศที่เจริญแล้ว มีการป้องกันอย่างดี มีการบริหารจัดการที่ดี ยังเสียหายขนาดนั้น แล้วถ้าเกิดกับประเทศไทยจะเป็นอย่างไร ลุงรู้สึกทนไม่ได้ นั่งดูข่าวไป ก็คิดถึงคำของปลาบู่ ที่เล่าให้ฟัง ประเทศไทยไม่มีการป้องกันอะไรเลย มีแต่กัดกันอย่างหมา ขอพูดแบบนี้นะ ลุงเจ็บใจจริงๆ เพราะถ้าเกิดขึ้นมาจริงๆ จะทำอย่างไร ลุงเลยตัดสินใจออกมาเปิดเผยให้ทุกคนได้รับรู้

หลังจากนั้น ปลาบู่ ก็เข้ามาบอกว่า พ่อครับที่ดินแปลงนี้ยกให้หนูนะ (ที่ดินที่สวนศรีมหาโพธิ์ อ.สอยดาว จ.จันทบุรี) และขอให้ปลูกต้นโพธิ์ และให้ทำถนนให้รอบเหมือนกับสนามหลวง ลุงก็ถามว่าทำมัย ปลาบู่บอกว่า หากหนูตายไปแล้วพ่อจะรู้เอง.. ให้จำปานของหนูไว้ให้ดี.. หนูจะกลับมาเกิดอีกครั้ง และจะบวชเณร ออกธุดงค์มาช่วยพ่อสร้างวัด “สุทัศน์เทพไพฑูรย์” (สวนศรีมหาโพธิ์) พร้อมกับแม่ใหม่ จะมาทำปาฏิหาริย์เพื่อเผยแผ่พระพุทธศาสนา ต่อไปหลังจาก40 ปีไปแล้ว คือประมาณหลังจากปี 2557 ประเทศไทยจะเป็นตัวอย่างแก่ประเทศอื่น ๆ ต่างประเทศจะมาพึ่งพาประเทศไทย และพระพุทธศาสนาจะเป็นอันดับหนึ่งของโลก 



ขณะที่ประเทศอื่น ๆ จะเสียหายเพราะภัยพิบัติและการสู้รบจากสงคราม ซึ่ง อีก 40 ปี จะเกิดสงคราม (ตรงกับ พ.ศ. 2557) และที่ สวนศรีมหาโพธิ์จะเป็นสถานปฏิบัติธรรมของผู้หญิง และสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าและคนชรา ในยุคที่เกิดความทุกข์ยากเพราะภัยพิบัติ และบนเขาลับแล จะเป็นวัดที่อยู่ของพระภิกษุและสามเณร จะมีพระองค์หนึ่งมีบุญบารมีมาก จะมาช่วยพ่อสร้างวัด จะมีคนมาถวายให้สร้าง ซึ่งในปัจจุบันนี้ ลุงได้สร้างรอลูกชายตามที่สัญญาไว้ว่าจะมาหาทั้งสองที่ และได้เฝ้ารอคอยการกลับมาของบุตรชายในชาติใหม่มาเป็นเวลา 37 ปีแล้ว ซึ่งที่ดินที่ปลาบู่ขอก็ได้ ปลูกต้นโพธิ ไว้ประมาณ 200 กว่าต้น และทำถนน รวมทั้ง บนเขาลับแล ก็ได้มีการสร้างศาลาไว้ให้พระสงฆ์อยู่


สิ่งที่ลุงบอกมาทั้งหมดนี้  อยากจะขอให้รัฐบาลและผู้ที่รับผิดชอบช่วยพิจารณาเรื่องการนำรางรถไฟที่ไมใช้แล้วเพราะสับเปลี่ยนเป็นรางใหม่ (ซึ่งปัจจุบันวางกอง ๆ ไว้มากมายตามสถานีรถไฟ)   นำไปเสริมตัว   เขื่อนภูมิพลที่จังหวัดตาก และเขื่อนเจ้าพระยา ที่จังหวัดชัยนาท เพื่อให้มีความแข็งแรง เพียงพอที่จะรับแรงแผ่นดินไหว ตามที่ปลาบู่ซึ่งเป็นที่รู้กันดีว่าในปัจจุบันนี้โลก มีการเปลี่ยนแปลง แผ่นดินไหวบ่อยครั้ง
และสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลงทั่วทั้งโลก การป้องกันเตรียมการไว้ก่อน เมื่อเกิดปัญหาจะได้ผ่อนหนักให้เป็นเบา

ลุงทองใบ กล่าวอีกว่า หลังจากที่ได้เปิดเผยเรื่องราวของปลาบู่ออกไป ก็มีทั้งเรื่องดีและไม่ได้
เข้ามา เรื่องดีๆ คือมีประชาชนจำนวนมาก เขียนจดหมายมาให้กำลังใจ และมาขอบคุณ ที่ลุงได้ ออกมาบอกว่าจะเกิดอะไรขึ้น รวมทั้งบางคนก็เดินทางมาจากต่างจังหวัดไกลๆ เช่น เชียงใหม่ สมุทรปราการ
และอีกหลายแห่ง 






รวมทั้งนายกรัฐมนตรียิ่งลักษณ์ ชินวัตร ก็ได้มีจดหมายมาถึงลุง บอกว่าได้รับรู้เรื่องราวที่ที่ลุงบอกไปแล้ว พร้อมทั้งได้มีการประสานงานกับทางกรมชลประทานไปแล้ว เท่านี้ลงก็รู้สึกปลื้มใจมากๆและรู้สึกสบายใจแล้วว่าลุงได้ทำในสิ่งที่ปลาบู่บอก หลังจากนี้ก็สุดแล้วแต่ทางผู้มีอำนาจจะดำเนินการต่อส่วนเรื่องที่ไม่ดี มีการมาขุมขู่ ลุง ไม่ให้พูดเรื่องนี้อีกไม่เช่นนั้นจะโดนจับกุม ซึ่งมาถึงตอนนี้ ลุงไมกลัวแล้ว อยากจะจับก็มาจับ ติดคุกก็ไม่กลัว เพราะ 73 ปีแล้ว อยู่ที่ไหนก็สามารถสวดมนต์ได้
                                                                                      ( 25 ธันวาคม 2554.... bananabrn)
(ชี้แจง) เรื่องคำทำนายภัยพิบัติโลก ปกติผมนายปรีดี ยืนยง (ผู้ลอกเรื่องราว มาเก็บไว้)  ไม่ได้เชื่อเรื่องคำทำนายภัยพิบัติโลกนะครับ  แต่จะชอบอ่านมากๆ  ขอให้มีใครทำนายมา   จะต้องหามาอ่าน  เพื่อความเพลิดเพลิน และเพื่อพิจรณาคำทำนาย   ว่าด้วยเหตุผลกลใดใดท่านเหล่านั้น ถึงได้ทำนายแบบนี้  

แต่มีข้อดีที่มักจะไปในทางเดียวกันคือ  ผู้ทำนายมักจะบอกให้อยู่ในศีลในธรรม และอยู่กับธรรมชาติ รักธรรมชาติ

คำพยากรณ์ของพระแม่กวนอิม


คำพยากรณ์ของ "พระแม่กวนอิม" จาก FB คำทำนายภัยพิบัติโลก 2012 วันที่ 5 มีค.2555 (รวบรวมไว้เพื่อกรณีศึกษาหรือเพื่อเตือนสตินะครับ brn feb 2012)ท่านว่าจะเกิดขึ้นราวๆ 28 เมษายน 2555 นี้



ภัยพิบัติที่ยิ่งใหญ่ที่สุดกำลังจะเกิดขึ้นในไม่ช้านี้ เป็นความเสียหายมหาศาลที่ไม่อาจคาดคะเนได้เลย
ภัยธรรมชาติในครั้งนี้ ทำให้เกิดการสูญเสียทั้งชีวิตและทรัพย์สินนับไม่ถ้วน... ภัยครั้งนี้เกิดขึ้นอย่างเงียบ
สงบมาก (ในประเด็นนี้มนุษย์ทราบความเคลื่อนไหวของธรรมชาติน้อยมาก)


โดยไม่มีการเตือนให้รู้ตัวก่อนเลย ทุกสิ่งเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว ซึ่งไม่มีใครได้มีโอกาสตั้งตัว ถ้าอยู่ในพื้นที่ที่เสี่ยงอันตราย (มนุษย์เคยอยู่ในพื้นที่เดิมมานาน ตั้งแต่เกิด และส่วนใหญ่ ที่ไม่ได้ศึกษาสิ่งแวดล้อมที่เปลี่ยนแปลงไปเร็วมาก ก็จะไม่ทราบชัดเจนว่า ที่อยู่ของตนนั้นมีความเสี่ยงเพียงใด ไม่มีใครตอบแทนตัวท่านได้)

ภัยครั้งนี้จะคร่าทุกชีวิตโดยไม่มีแบ่งแยกว่าจะรวยหรือจน ภายใน1 ชั่วโมง ทุกสิ่งจะจมหายอยู่ใต้ท้องทะเล เวลาสั้นๆ (ตรงนี้ข้อมูลตรงกันกับ คำเตือนของชาวต่างดาวผ่าน Crop Circle บนผืนนาของชาวอินโดนีเซีย พบเมื่อ 11 มกราคม 2554 ลักษณะเหตุที่เกิดตามบรรยายของพระแม่ช่างตรงกับผลของช่วง 7/10 ของคุณ Zeta ที่ราบลุ่มเจ้าพระยาแคบๆระหว่างแนวเขาทั้ง 2 ด้านจะถูกกดดันให้จมลงทันที เมื่ออินโดนีเซียจมลงเต็มพิกัด     ไม่มีความช่วยเหลือ ไม่มีการเหลียวแลจากใครเลย เพราะทุกชีวิตล้วนแล้วแต่ดิ้นรนเอาตัวรอด


เหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้น คาดว่าราวกลางปี พ.ศ. 2555 ไม่น่าคลาดเคลื่อนไปกว่านี้ (ที่ไม่ไกลจาก Crop Circle ในอินโดนีเซีย มีแผ่นดินไหวแปลกๆ ไหวแล้ว ยังมีเสียงประหลาด ดังขึ้นมาจากใต้ดินกระหึ่มตลอดเวลา แม้ผ่านไป 3 วัน 3 คืนก็ยังไม่ยุติ...บ่งบอกว่ามันอาจเกิดเหตุอยู่ไม่ลึกนักจากผิวดินใช่หรือไม่?? ส่วนเรื่องกลางปีนั้น...2 เมษายน 2555 คุณ Zeta ผู้มีไอคิว 287 และได้เห็นโลกเปลี่ยนแปลงมาหลายคราวในอดีต ในวันนี้ PlanetX ที่ลอยตัวอยู่เหนือวงโคจรของโลกและดวงอาทิตย์ อยู่ใกล้ๆวงโคจรดาวศุกร์ทำ Retrograde ครบ 180 องศา    อ้อมดวงอาทิตย์ในรอบขาออก หันขั้วเหนือมาเฉียดใกล้โลกมาก....



 ส่วนวันที่ 20 พ.ค. 2555 PX จะวนครบ 270 องศาและตั้งแกนขึ้น และจะถือโอกาสหย่อนตัวลงมาบน Ecliptic เพื่อใช้ก้ามปูยักษ์หรือ Eddy Flow บีบโลกและดาวศุกร์ ให้ดาวศุกร์กระเด็นออกพ้นทางไป เหลือเฉพาะโลกประจัญหน้ากันกับ PX อยู่ในถ้วยเอ๊ดดี้ของ PX ป้องกันไม่ให้โลกหลบออกไปไหน ชาวโลกที่สนใจก็ติดตามสังเกตอาการต่างๆที่โลกจะแสดงออกกันไปก็จะเห็นเอง รู้สึกเองว่าการเพิ่มแรงบีบของก้ามปูยักษ์จะมีพิษสงเพียงใด แผ่นดินจะไหวสะเทือน 8-10 ริกเตอร์อยู่ 9 วันหรือไม่ ผู้อยู่ชายฝั่งทะเลจะเผชิญสึนามิ 200-300 ฟุตหรือไม่ ไหวติดต่อกันนะ...แต่เล็งๆดูแล้วแผ่น อินโด-ออสเตรเลีย น่าจะปลดเบรคเสียก่อน ตอนเกิดระเบิดครั้งใหญ่ขึ้นที่ญี่ปุ่น....ซึ่งทุกอย่างก็จะเป็นไปตามที่พระแม่กวนอิมได้เมตตามาฉายภาพล่วงหน้าให้ลูกๆดูนั่นเอง)


ไม่มีเทพองค์ใดที่จะหยุดทุกสิ่งไม่ให้เกิดขึ้นได้ ทุกสิ่งถูกกำหนดไว้แล้ว และมันกำลังจะเกิดขึ้น โดยฝีมือของมนุษย์นั่นเอง (ทำลายธรรมชาติและสร้างกรรมดำไว้มาก ทำให้แรงโน้มถ่วงของโลกเพิ่มขึ้น จึงเพิ่มอันตรายจากโลกย้ายขั้วมากขึ้น...เช่นเปลือกโลกถูกแรงดึงดูดลากจูงจากดาวหางไปมากกว่า 4,000 กิโลเมตร หรือ 90 องศา นำแผ่นแอนตาร์คติคไปไว้ที่แนวเส้นศูนย์สูตรใหม่ ส่วนพื้นที่ประเทศไทยไหลลงไปอยู่ใกล้ๆโซนขั้วโลกใต้ใหม่ มีศรีลังกาเป็นศูนย์กลางจมอยู่ใต้ทะเลเป็นต้น)


เพราะเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นในครั้งนี้ เนื่องจากเกาะภูเก็ตถูกทำลายไปมาก การก่อสร้างของเกาะภูเก็ตเป็นการทำลายรากฐานของเกาะซึ่งเป็นแกนที่มีขนาดเล็ก มีเส้นผ่านศูนย์กลางเพียง 9 กิโลเมตร มีขนาดเล็กกว่าพื้นที่ของเกาะมาก กำลังร้าวและแตกออกจากกัน อีกไม่นานมันก็จะหัก และจมลงในทะเล (หากฐานรากใต้น้ำเป็นเช่นนี้ เสี่ยงต่อผลกระทบจากแผ่นดินไหว และคลื่นสึนามิอย่างมาก และปัจจุบันพลังจักรวาลยังส่งแรงกดมหาศาลลงมาบนผืนโลกอีกด้วย แรงกดอย่างหนักก่อนเกิดแผ่นดินไหว ชั้นหินจะส่งคลื่นแม่เหล็กความถี่ต่ำออกมารบกวนคลื่นวิทยุคลื่นสั้น หากชาวภูเก็ตจะหามาเปิดเอาไว้ตลอดเวลา เพื่อรับฟังเสียงรบกวนเกิดขึ้น จะได้รีบเคลื่อนย้ายออกมาจากเกาะได้ทันเวลา ไม่ต้องรอปรากฏการณ์ของสัตว์ที่จะพยายามเคลื่อนย้ายหนีให้ห่างมาจากศูนย์กลางของแผ่นดินไหว จนอยู่ในรัศมีที่ปลอดภัยแล้ว เช่นกลูกกุ้งมังกร ขึ้นมาเกยหาดกระรนหลายล้านตัวเป็นต้น



ส่วนอีกประเด็น เกาะนี้อยู่ในเขต Stretch Zone แผ่นดินยืดและบิดตัวไปทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ ทำให้พื้นที่เกาะเสียการทรงตัวได้)น้ำจะท่วม จะเกิดคลื่นยักษ์ที่ใหญ่ที่สุด น้ำจะซัดเข้าหาฝั่งเกือบทุกพื้น ที่ที่ของภาคใต้และจะจมหายอย่างถาวรตลอดกาล    (คลื่นยักษ์ตรงนี้ที่พระแม่กล่าวถึง น่าจะเปHนสึนามิ อันเกิดจากแผ่น Sunda Plate พื้นที่ประมาณ 9 ล้านตารางกิโลกเมตรจมลงน้ำทางทะเลใต้จึงไหลมาแทนที่ว่าง คลื่นจะสูง 30-40 ฟุต 


ในรายงานของคุณ Zeta ในเรื่องประเทศอินโดนีเซียจม ก่อนโลกย้ายขั้ว ปรากฏว่าปลายแหลมของแผ่นยูเรเซี่ยนที่ประเทศอินโดนีเซียตั้งอยู่หักออก จมลงและจะแยกตัวออกไปอีกชิ้นหนึ่งจากแผ่นยูเรเซียน ด้านบนอยู่ราวๆเหนือสุราษฎร์พอดี ที่ดูจากกราฟิคของคลิป และแหลมส่วนนี้ได้เกิดแผ่นดินไหวเป็นเส้นตรงเหนือเกาะสุมาตรา ฟิลิบปินส์ และเกาะมาเรียน่า ทางทิศตะวันออกของฟิลิบปินส์ ซึ่งทั้ง 3 จุดไหววันเดียวกันเวลาใกล้กันและอยู่เกือบจะเป็นเส้นตรงเดียวกัน อยู่บนพื้นที่แหลมของยูเรเซี่ยนด้วยกัน เกิดขึ้นเมื่อ19 ธ.ค.2010)



นั้น ยังมีอีกหลายประเทศที่มีพื้นที่ติดทะเลจะจมหายไปหมด
(ซึ่งชาวทะเลใน 4th และ 5th density เห็นภัยพิบัติที่จะเกิดขึ้นล่วงหน้า จึงได้มาทำสัญญลักษณ์ Crop Circle ที่เกาะสุมาตราตะวันออก เมื่อ 11 ม.ค. 2554 นี้ สำหรับท่านผู้เข้าใจและหยั่งรู้ ทราบเรื่องนี้ดี แต่คนส่วนมากอาจเฝ้ารอดูเหตุที่จะเกิดขึ้นในอนาคตอยู่เฉยๆก็ได้ ยังมีความลังเลใจ อ่านลักษณะรูปภาพไม่ออกว่ามันเป็นสัญญาณอันตรายครั้งสุดท้าย ไม่ต่างกับที่ชาวมายา ในอดีตประมาณ 5 พันปีมาแล้วเคยได้รับ


และต่อมาชาวมายาแทบสูญพันธุ์ไปเมื่อโลกนี้ประสบภัยพิบัติรุนแรงในรอบที่ 4 ...คราวนี้กำลังจะถึงรอบที่ 5 ที่ธรรมชาติจะกลับมากวาดล้างมนุษย์ผู้มีความโลภมาก ได้ทำลายทรัพยากรโลกมา 100 กว่าปีอย่างรุนแรง เพื่อเปลี่ยนมาเป็นตัวเงิน ที่ชาวโลกสมมุติกันขึ้นมา และการเงินทุกระบบจะสูญสิ้นหมดความหมาย เมื่อโลกปรับตัวครั้งใหญ่ผ่านไปแล้ว และประเทศมหาอำนาจใหญ่ๆทั่วโลกก็จะไม่มีเหลืออยู่อีกต่อไป ความเป็นอยู่จะถอยหลังกลับไปเป็นศตวรรษ



ลักษณะที่พระแม่พูดถึงความเสียหายหลายๆประเทศพร้อมๆกันนี้ น่าจะเกิดขึ้นพร้อมๆกันกับหลายประเทศที่ตั้งอยู่บนแผ่น Sunda Plate รวมทั้งกวม มาเรียน่า ที่อยู่นอกแผ่นทางด้านทิศตะวันออก พื้นที่ประมาณ 9 ล้านตารางกิโลเมตรของ Sunda Plate ที่กำลังจม และหากแผ่น อินโด-ออสเตรเลีย ปลดเบรค อินโดนีเซีย และทุกๆประเทศบน Sunda Plate จมลงไปพร้อมๆกันถึงแนวเหนือสุดในประเทศจีนตอนใต้เมืองหังซู่ลงมา ที่น้ำจำนวนมหาศาลจากมหาสมุทรทางใต้จะพากันไหลมาเติมที่ว่างทางเหนือ จะทำลายชีวิตและสิ่งกีดขวางทางน้ำ บนพื้นที่แหลมอินโดจีนเกือบทั้งหมด รวมทั้งพื้นที่ก้นอ่าวไทยที่น้ำไม่มีทางไป จะยกระดับและขุดโคลนตรมเข้ามาท่วมพื้นที่ กทม.และปริมณฑลกว้างไกลกว่า 100 กม.รวมพื้นที่น้ำท่วมประมาณ 15,000 ตารางกิโลเมตรใน 14 จังหวัดอู่ข้าวอู่น้ำ ภายในระยะเวลาเพียงไม่กี่ชั่วโมง...ลักษณะต่างๆทุกข้อที่พระแม่กล่าวถึง ตรงกันกับลักษณะอาการจมของแผ่น Sunda Plate ที่จะเกิดขึ้นก่อนเวลาโลกย้ายขั้ว ตามรายงานของชาว Zetas)



เพราะฉะนั้นทุกคนจึงควรเตรียมความพร้อม หาข้อมูลเพิ่มให้ครบวงรอบ ต่อเชื่อมกับผลที่พระแม่กล่าวเตือนลูกๆให้ตระหนักถึงภัยครั้งใหญ่ยิ่ง นับแต่บัดนี้ และเมื่อเห็นภาพชัดเจนด้วยตนเองแล้ว ออกไปให้พ้นจากพื้นที่อันตรายให้เร็วที่สุดอย่ามัวคิดว่ามันจะเกิดขึ้นหรือไม่ เพราะไม่มีเวลาให้คิดแล้ว ให้ทำเลยถ้าจะทำอะไร โดยไม่ต้องสงสัย เพราะความสงสัยจะทำให้ไม่รอดจากภัยพิบัติครั้งนี้



การเตรียมความพร้อม
1. หาแหล่งที่อยู่ใหม่ที่ปลอดภัย (ในเมืองไทย ยกเว้นภาคใต้ หรือจังหวัดที่ติดทะเล คุณหมอแกนเอ่ยออกมาคำหนึ่ง ถ้าให้ชัวร์ๆ ต้อง 750 เมตร)
2. เตรียมน้ำดื่มน้ำใช้ อย่างน้อย 6 เดือน
3. เตรียมอาหารแห้งและยารักษาโรค
4. เตรียมตะเกียง หรือเทียน ไฟฉายและถ่าน
5. เตรียมเครื่องนุ่งห่ม สำหรับอากาศที่หนาวเย็นเอาไว้ให้เพียงพอ
6. เตรียมจิตใจให้เข้มแข็ง อย่ากลัว อย่าท้อ (ตรงนี้สำหรับผู้มีที่พึ่งพาได้ตลอดเวลา เป็นเรื่องจำเป็น)




การช่วยเหลือชีวิตมนุษย์เป็นการสร้างกุศลที่ยิ่งใหญ่ ผู้ที่บอกต่อ ชีวิตไม่อับไม่จน...
ขอให้ทุกคนมีจิตใจเมตตาปราณี ช่วยเหลือซึ่งกันและกัน เมื่อวิกฤตมาถึง...
ขอให้ลูกหลานทุกคนจงแคล้วคลาดจากภัยพิบัติในครั้งนี้ และจงมีแต่ความสุขความเจริญ ภายภาคหน้าตลอดไป...

*คำพยากรณ์ วันที่ 28 เมษายน 2555 เป็นวันมหันตภัย*


( 28 เม.ย. ของพระแม่นี้ หากได้นำไปติดตามดูผลการเกิดแผ่นดินไหวย่อยนับร้อยๆครั้งเป็นกลุ่มใหญ่ในวงกว้างใกล้ๆเกาะญี่ปุ่นทางใต้ตั้งแต่ต้นเดือน ก็อาจจะเกิดแผ่นดินไหวรุนแรงในวันที่ 28 เม.ย. ก็ได้ ซึ่งจะร้ายแรงทั้งที่ญี่ปุ่นได้รับพร้อมๆกับสึนามิ ส่วนอินโดฯจม และกระทบมาที่ที่ราบลุ่มเจ้าพระยาจมด้วยอย่างเงียบๆแต่รวดเร็ว)



ได้เฝ้าติดตาม 28 เม.ย. 55 ของพระแม่มานาน เพิ่งทราบรายละเอียดจากรายงานของคุณ Zeta
แต่คุณหมอแกนกล่าวว่า เดือน นีนาคม 2555 เป็นต้นไปก็จะเริ่มเห็นชัด ส่วนผู้ที่ติดตามศึกษาข้อมูลของคุณ Zeta มานานได้ทำการวิเคราะห์ประมวลข้อมูลร่วมกับข้อมูลต่างๆของ NASA และวิชาฟิสิคส์และคณิตศาสตร์ สรุปตามเงื่อนไขทางวิทยาศาสตร์ได้ว่า วันที่ 20 พ.ค. เป็นวันมีคราสเกิดขึ้น ตามตารางของนาสซ่า พระจันทร์มาบังสนามแม่เหล็กของดวงอาทิตย์ที่ส่งมายังโลก และเป็นจังหวะที่ดาวศุกณืใกล้จะ Transit โลก จึงอาจเป็นโอกาสเหมาะของ Planet X ที่ลอยตัวรอจังหวะอยู่จะรีบลงมาที่ Ecliptic และ 1-2 มิ.ย. 2555 PX ก็อาจผุนผลันจาก ดวงอาทิตย์และ Ecliptic ไปอย่างรวดเร็ว ส่วน 28 เมษายน 2555 คุณ Zeta รายงานว่า PX จะ Retrograde อ้อมดวงอาทิตย์ครบ 180 องศา พร้อมกับเล็งขั้วเหนือเฉียดมายังโลก ยังไม่ทราบว่าที่โซนไหนของโลกจะถูกแจ๊คพ็อต...แล้ว Sunda Plate จะเกิดอะไรขึ้นบ้างในวันนั้น ก็เฝ้าติดตามอาการแวดล้อม อย่างใกล้ชิดต่ออาการต่างๆของแผ่น อินโด-ออสเตรเลีย ที่เริ่มเบียดเข้ามาทางบริเวณเกาะนิโคร์บาร์บ่อยมากขึ้นทุกวัน จึงควรเฝ้าระมัดระวังเป็นอย่างยิ่ง....ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติม




ทสึนามิถล่มอันดามัน พศ.2546


(ข้อมูลนี้แสดงว่าธรรมชาติได้ร่นวันเกิดเหตุใกล้เข้ามาเพิ่มขึ้น เดิมชาวไทยจะได้รับสิ่งไม่คาดคิดจากฟากฟ้า ที่ดาวหางดวงใหญ่ยิงมาจากหางอันยาวมาก มาทักทายชาวโลก ระหว่างที่ดาวโลก กำลังโคจรเข้าไปใต้วงโคจรของดาวหาง ที่กำลังเข้าใกล้โลก และดวงอาทิตย์ ประมาณเดือนเมษายน 2555 ต่อรอบ Trimester ที่โลกได้รับพลังงานเข้มข้นจากดวงอาทิตย์ ของแต่ละปีคือเดือน พฤษภาคม- เดือนสิงหาคม....แล้วยิ่งมีพลังงานจาก PX ที่จะมาผสมโรงเข้าไปอีก และ 20 พ.ค. 55 ยังจะเกิดจันทรคราสอีกพอดี ตามรายงานล่วงหน้าของ NASA ซึ่งคุณ Zeta ก็แย้มๆเอาไว้หลายที่เหมือนกัน ว่าจะเกิดเหตุใหญ่ก่อน 21 ธ.ค. 2555 ที่คนส่วนใหญ่พากันเข้าใจผิดในปฏิทินของชาวมายาที่ขาดตอนหายไป)
แหล่งข่าว

-------------------------------------------------------------------------------------------------

กรุงเทพฯจมบาดาล

จากเฟสบุคคำทำนายหายนะโลก 2012 วันที่ 13 มีค. 2555 (รวบรวมมาไว้ให้ดูเพือเป็นตัวอย่างแก่การศึกษานะครับ ..brn 13 mar 2012)

เรื่องด่วนมาก เกี่ยวกับภัยพิบัติ "ที่นอกเหนือธรรมชาติ" 
 จากอัญญสิทธิ์ เวปพลังจิต 
ขอให้ออกจากกรุงเทพฯ และเขตปริมณฑลได้แล้ว ให้มาอยู่ทางเหนือหรืออีสาน ทุกอย่างจะเกิดขึ้นภายในปี พ.ศ.๒๕๕๕

 ระหว่าง วันที่ ๙ – ๑๔ ต.ค. ๕๔ ข้าพเจ้า, อ.ศํกดาและคณะเดินทางไปนครต้าลี่(อาณาจักรน่านเจ้าของไทยในอดีต) ประเทศจีน เพื่อหาทางหยุดยั้งภัยพิบัติ อุทกภัยที่กำลังเกิดขึ้นในประเทศไทย เราเดินทางไปนครต้าลี่ด้วยความทุกข์อย่างใหญ่หลวง ที่เกิดขึ้นกับพี่น้องชาวไทยและบ้านเมืองของเรา กี่ร้อย กี่พัน กี่หมื่น กี่ล้านชีวิตที่ต้องสูญสิ้นเพราะอุทกภัยที่เกิดขึ้นจากน้ำมือของมนุษย์กลุ่ม หนึ่งที่ต้องการจะครองโลก


ก่อน เดินทางไปมณฑลยูนนาน นครต้าลี่ ประเทศจีน เรากำลังพูดคุยกันว่า เราอยากไปช่วยผู้ที่กำลังประสบกับภัยพิบัติ เราจะเริ่มจากจังหวัดไหนก่อน ที่ไหนที่ขาดแคลนมากที่สุดที่ยังไม่ได้รับการช่วยเหลือ ที่ผ่านมา อ.ศักดาและข้าพเจ้า พยายามแจ้งข่าวเตือนภัยแก่ญาติธรรมและพี่น้องชาวไทยมาโดยตลอด ทั้งภาพแผนที่ประเทศไทยที่แสดงพื้นที่ส่วนที่จมและส่วนที่เหลือรอดจาก อุทกภัยและการตระเตรียมทั้งสถานที่อยู่ที่จะปลอดภัย และสิ่งที่ควรตระเตรียมไว้เมื่อเกิดภัยพิบัติทั้งอาหาร, ยารักษาโรค, ไฟฉาย, เตาแก๊ส, เตาถ่าน, น้ำมันเชื้อเพลง เป็นต้น

แต่ บ้านเมืองเราทุกอย่างก็ดำเนินไปตามปรกติ ทำให้ท่านคิดว่ามันไม่มีอะไรและดำรงชีวิตอยู่ในความประมาท ไม่มีการสำรองทั้งที่พัก(บ้านหลังที่ ๒ ทางภาคเหนือหรืออีสาน)และอาหาร แต่ก็มีญาติธรรมจำนวนไม่น้อยเหมือนกันที่เชื่อ ได้ขายบ้านที่อยู่ในภาคกลาง, ภาคใต้และภาคตะวันออก มาซื้อที่ดินและปลูกบ้านทางภาคเหนือ เพื่อเตรียมรับกับภัยพิบัติและภัยจากสงครามโลก เพราะพวกเรารู้ดีว่าหลังจากภัยพิบัติ น้ำไป ไฟจะมา สงครามจะเกิด ทั้งสงครามกลางเมืองและสงครามโลก ข้าวปลาอาหารจะขาดแคลน ที่มีก็จะราคาแพงมาก แย่งกันอยู่ แย่งกันกิน ไม่ว่าจนหรือรวย ถึงเวลามีเงิน ก็หาซื้ออาหารไม่ได้ ไม่มีใครต้องการเงินมากกว่าอาหาร

เบื้องบน บอกว่า...การเข้าไปช่วยเหลือชาวสยามที่กำลังประสบภัยนั้น มีผู้ที่ทำหน้าที่อยู่แล้ว แค่เธอทั้ง ๒ ต้องแก้ที่ต้นเหตุ ไม่ใช่ปลายเหตุ ท่านบอกว่า...

“โพธิ์ สัตว์น้อย จงฟังเรา! ทุกข์ของแผ่นดินน่าเวทนานัก หากเป็นกรรมเราจะนิ่งเฉย แต่นี่เกินจากกรรมอันกำหนดแล้ว จำเป็นต้องลงมาช่วยแก้ไข ถ้าหากเป็นกรรมที่ชาวสยามทำกับพระโพธิสัตว์(คิดร้าย มุ่งร้ายต่อพระเจ้าอยู่หัวฯ) เราต้องปล่อยให้เป็นไปตามกรรม แต่นี่เกินจากกรรมนั้นแล้ว มีทางเดียวที่ยุติอุทกภัยครั้งนี้ได้ คณะของโพธิสัตว์น้อยต้องเดินทางไปยังทะเลสาบเอ๋อไห่ ไปกราบพระแม่กวนอิม ขอมังกรดำให้มาจัดการพญาอินทรีย์ไม่เช่นนั้นหยุดไม่อยู่ 

แผ่นดินสุวรรณภูมิ(ไทย-ลาว-พม่า-จีน-เวียดนาม-มาเลเซียและสิงค์โปร์) จะกลายเป็นทะเล  ชีวิตนับล้านจะสูญสิ้น ให้ทำภารกิจครั้งนี้ให้สำเร็จจงได้ ถึงลำบากก็ต้องทำ ๕  ชีวิตเดินทางไปยังทะเลสาบเอ๋อไห่ให้เร็วที่สุดไม่เช่นนั้นจะหยุดภัยครั้งนี้  ไม่ได้เลย    พรุ่ง นี้ อัญเชิญ “พระสยามเทวาธิราช” ไปไว้ที่ริมโขงเขื่อนจีนจะแตกในไม่ช้า มีแต่พระสยามเทวาธิราชเท่านั้นที่จะหยุดภัยพิบัติได้  และไปให้ถึงชายแดนไทย ไปให้ถึงเอ๋อไห่ให้เร็วที่สุด เร่งทำภารกิจให้เร็วที่สุด


“อัญเชิญ พญามังกรดำแล้ว เอาน้ำจากทะเลสาบเอ๋อไห่กลับมาผสมกับน้ำมนต์ของเรา แล้วเทลงไปยังแม่น้ำสำคัญ ปิง, วัง, ยม, น่านและแม่น้ำโขง แต่เหตุที่เกินขึ้นจะยังไม่จบลงง่ายๆ ใช้เวลาอีกหลายเดือน ภารกิจครั้งนี้! จะช่วยบรรเทาความเสียหายของประเทศเหลือเพียง ๑๐ เปอร์เซ็นต์ไม่เช่นนั้นจะเสียหายถึง ๙๐ เปอร์เซ็นต์ ของประเทศ กรุงเทพฯ จะเสียหาย ๓๐ เปอร์เซ็นต์ ถ้าไม่ทำ ไม่แก้กรุงเทพฯ จะเสียหาย ๗๐ เปอร์เซ็นต์ พระแม่กวนอิมจะนำทหารกองทัพธรรมของท่าน ๑.๕ ล้านคนมาด้วย จะลงมาแฝงในร่างของทหารไทยและประชาชนไทยในการทำกำแพงกั้นน้ำ ช่วยกันบรรจุสิ่งของไปแจกคนที่ถูกน้ำท่วมและแฝงในร่างของเศรษฐี คนมีเงินให้ช่วยบริจาคทรัพย์ ช่วยคนถูกน้ำท่วม ในที่สุด ธรรมะจะต้องชนะอธรรม”

พี่ น้องชาวไทยทุกท่าน! ข้าพเจ้า, อ.ศักดาและคณะ ได้ทำภารกิจตามบัญชาเบื้องบนครบถ้วนทุกประการแล้ว และความหมายที่เบื้องบนบอกคือ อุทกภัยที่เกิดขึ้น เกิดจากภัยธรรมชาติเพียงเล็กน้อย แต่มนุษย์ซ้ำ และเป็นผู้ที่ก่อให้เกิดขึ้น ซาตาน มาร พญามาร หมายถึงชาวต่างชาติที่มีเทคโนโลยีชั้นสูงในการทำให้เกิดภัยธรรมชาติพวกเขามี กำลังเงินและกำลังคน และประเทศไหน? ที่สัญลักษณ์ของประเทศคือ พญาอินทรีย์ ท่านลองคิดดูเอง นี่แหละ! ซาตานตัวจริง หน้าฉากทำรักษ์โลก รักพี่น้องร่วมโลก หลังฉาก คือ ซาตานลวงโลก ศาลโลกตัวจริง! ตัดสินชีวิตมนุษย์โลก เพื่อกอบโกยทรัพยากรในแผ่นดินของเขา



เบื้อง บนอีกพระองค์ ได้บอกกับข้าพเจ้าว่า... พญามารเขาว่าเขาคิดดี เขาคิดถูก เขาบำเพ็ญมาไม่น้อย แต่เขาคิดแตกต่างจากเรา เรานับถือพระพุทธเจ้า ปฏิบัติตามคำสอนขององค์พระศาสดา พญามารก็เช่นกัน เข้าก็มีคนของเขาที่ลงมาเกิดและเชื่อในสิ่งที่เขาคิดและทำ เขาคิดว่าตัวเองคือ ผู้ยิ่งใหญ่ของโลก มีสมองที่ดีแต่มุ่งทำลายสรรพชีวิต เขามีเทคโนโลยีชั้นสูง เขาคิดว่าประชากรในโลกนี้มีมากเกินไปและมีแต่คนไร้ประโยชน์ เพราะอย่างนั้นทำให้ประชากรโลกเหลือให้น้อยที่สุด และสร้างโลกใหม่ขึ้นมาคือ โลกของซาตาน ไม่มีประเทศ ไม่มีศาสนา คัดเลือกไว้เฉพาะคนที่มีประโยชน์กับเขาและคนที่เก่งที่สุดในแต่ละสาขาอาชีพ เก่งที่สุดทางด้านวิชาการ เขาต้องการครองโลกควบคุมและเป็นเจ้าของโลกมนุษย์ แต่ทุกอย่างเป็นไปตามกฏแห่งกรรม ผู้ใดทำกรรมใดไว้จะต้องรับผลแห่งกรรมนั้นการเบียดเบียนชีวิตไม่ว่าคนหรือ สัตว์เป็นบาป คนเราฆ่าก็ตาย ไม่ฆ่าก็ตาย เกินขึ้น ตั้งอยู่ ดับไป เป็นสิ่งที่แน่นอนและเป็นไปตามกฎแห่งกรรม


พี่ น้องชาวไทยและญาติธรรมที่รักทุกท่าน! พวกนี้เขาเกลียดคนผิวเหลืองและพวกอาหรับมากที่สุดและเขาคิดว่าไร้ประโยชน์ มากกว่ามีปะโยชน์ ประชากรในโลกนี้มีมากเกินไป เพราะฉะนั้นต้องล้างโลก โดยใช้น้ำ ตามด้วยไฟ และก่อให้เกิดสงครามโลกครั้งที่ ๓ แต่เขาต้องเข้ายึดประเทศไทยให้ได้ก่อน เพราะมีอาหารอุดมสมบูรณ์ เขาเลือกประเทศไทยเป็นเมืองหลวงของรัฐโลกใหม่ เป็นพื้นที่ๆ เอื้อต่อการทำสงครามต่อเนื่องทั้งกับจีน, อาหรับและทุกประเทศที่ไม่ร่วมมือกับเขา ใช้ภาคใต้ของไทยเป็นที่ตั้งฐานทัพและเลือกประเทศไทยเป็นที่อยู่ของพวกเขา เพราะเป็นเขตอบอุ่น มีอาหารสมบูรณ์
คนกลุ่มนี้ที่ต้องการจะครอบครองโลกเขาเลือกประเทศไทย แต่...เขาไม่ได้เลือกคนไทย ตายมากเท่าไหร่ยิ่งดี

ถ้า เขาทำสำเร็จ จะไม่มีขอบขัณฑสีมาอีกต่อไป ขอบขัณฑสีมาของประเทศไทยอยู่ตรงไหน? อีกหน่อยเราจะบอกลูกหลานไทยของเราว่ายังไง? ประเทศไทยคือเมืองในอดีตหรือ? คนกลุ่มนี้จะสร้างรัฐโลกใหม่ ไม่เอากษัตริย์ ไม่มีประเทศ ไม่มีศาสนา เขาต้องการครองโลก นี่คือเรื่องจริงและกำลังเกิดขึ้น ได้ปรากฏให้พวกเราได้เห็นกันแล้ว!

ขั้นแรก ใช้เงินซื้อคนไทยให้มาเป็นพวก ร่วมปฏิบัติงาน โดยเฉพาะคนที่มีอำนาจ ผู้นำมวลชน คนที่ประชาชนเชื่อถือ ให้ภาคใต้แบ่งแยกด้านศาสนาและใช้ภาคใต้เป็นที่ตั้งฐานทัพเพื่อทำสงคราม, ภาคอีสานแบ่งแยกด้านฐานะ คนรวย-คนจน ใช้เงินซื้อให้เข้าร่วมปฏิบัติการ, ภาคเหนือ-กลาง แตกแยกด้านทางความคิด,ภาคตะวันออกและชายฝั่งทะเลทั้งหมด นำคนของเขาที่ฝึกการรบไว้แล้ว เช่นโรฮิงญ่า ยิว มุสลิมหัวรุนแรง เข้ามาเป็นแรงงานตามร้านอาหาร โรงงาน ปั๊มน้ำมัน ฯลฯ
ขั้นที่ ๒ ยุให้เกิดความแตกแยกกันเองภายในประเทศและทำลายในหลวงฯ- พระราชินีและราชวงศ์ทุกทาง ล้มระบอบกษัตริย์ให้ได้

ขั้นที่ ๓ ทำฝนให้เกิดน้ำมากที่สุดทั่วประเทศ เริ่มทางภาคเหนือ เพราะน้ำจะไหลจากที่สูงลงสู่ที่ต่ำ ระเบิดเขื่อนให้ได้ทำ เพื่อให้แผ่นดินไทยกลายเป็นทะเล
ขั้นที่ ๔ เมื่อประชาชนไทยเดือดร้อน ฉากหน้าส่งทหารและอาหารเข้ามาช่วยเหลือ แต่จริงๆ แล้วฉากหลังนำเรือบรรทุกเครื่องบินรบ ๕ ลำพร้อมเรือพิฆาตเข้ามาสู่อ่าวไทย(ถ้าช่วยน้ำท่วมจะเอาเข้ามาทำไม?)

ขั้นที่ ๕ ส่งนักรบซาตานกระจายไปทุกแห่ง เพื่อเริ่มปฏิบัติการ ที่ไหนมีพนังกั้นน้ำเข้าทำลาย โดยใช้คนไทยที่ถูกล้างสมองและซื้อได้เป็นผู้ทำ ทหารและประชาชนที่สร้างพนังกั้นน้ำก็ไม่พอใจ จะเกิดการปะทะกัน นักรบซาตานก็ใช้อาวุธเข้าจัดการทหารและประชาชน เพื่อให้เกิดสงครามกลางเมือง ทั้งในกรุงเทพฯ และทั่วประเทศ

ขั้นที่ ๖ เข้ายึดประเทศไทย คนไทยขายชาติ จะหลบเข้าไปอยู่ในเรือรบพญาอินทรีย์ เขารู้กัน!
พี่ น้องชาวไทยที่รักทุกท่าน! เขาไม่ได้จะทำเฉพาะประเทศไทยเท่านั้น เขาทำทั้ง ๗ ประเทศ คือแผ่นดินสุวรรณภูมิทั้งหมดให้กลายเป็นทะเล เมื่อภารกิจเขาทำสำเร็จยึดได้หมดแล้ว เขาจะปล่อยน้ำลงทะเล แผ่นดินก็จะกลับคืนมา ขณะนี้ประเทศเม็กซีโก เอซาวาดอร์ เวียดนาม ฟิลิปปินส์ พม่าฯลฯ ก็โดนด้วย แผ่นดินที่ยากจน เขาจัดการก่อน แม้แต่คนในประเทศเขาเอง เขาก็ไม่ได้คิดว่าเป็นประชาชนของเขาและพวกเราจะทำอย่างไร?




เตรียมข้าวสาร อาหารแห้ง ยารักษาโรคที่ใช้เป็นประจำ (อย่างต่ำ ๖ เดือน) เตาถ่าน น้ำมันเชื้อเพลิง เสื้อกันหนาวอย่างหนาและอย่างบาง(สงครามโลกเกิด เราจะตกอยู่ในความหนาวเย็น) ท่านที่ใช้แว่นตาให้เตรียมไว้ คอนแทกเลนซ์เตรียมไว้ ของใช้ส่วนตัวทุกอย่าง รวมทั้งของใช้ส่วนตัวหญิง อย่างน้อย ๖ เดือน อย่าลืม เตรียมให้พ่อแม่ด้วย ถ้าท่านต้องทานยาทุกวัน รีบขอหมอเตรียมไว้ พยายามคิดว่าอะไรที่ต้องใช้และจำเป็นต้องจัดเตรียม ให้รีบทำ ไม่มีเวลาแล้ว

• ขอให้ออกจากกรุงเทพฯ และเขตปริมณฑลได้แล้ว ให้มาอยู่ทางเหนือหรืออีสาน อยู่ห่างจากตัวเมืองอย่างน้อย ๒๕ กิโลเมตร อย่าอยู่ในตัวเมือง เบื้องบนเตือนว่า..มีเขื่อนที่จะต้องระวังและอาจแตกได้ ๓ เขื่อน คือเขื่อนศรีนครินทร์, เขื่อนเจ้าพระยา ชัยนาทและเขื่อนแม่งัด จ.เชียงใหม่ ถ้าเขื่อนแม่งัดแตก ท่านบอกว่า..มีเวลาหลบภัย ๕ ชั่วโมงเท่านั้น ทางภาคใต้จะกลายเป็นเกาะเล็ก เกาะน้อย ถ้าที่ไหนมีพระสยามฯ จะพาผู้คนขึ้นที่สูง

• เรื่องนี้สำคัญต้องจำไว้! ถ้าเกิดสงครามโลกและมีการใช้อาวุธนิวเคลียร์เมื่อไหร่ เรามีเวลาเพียง ๓ วันเท่านั้นที่จะหลบภัยจากกัมมันตรังสี ภายใน ๓ วันจะถึงประเทศไทย ให้หลบอยู่ที่พระใหญ่ พระใหญ่จะมีรัศมีป้องกันได้ ๕ กิโลเมตร เบื้องบนบอกว่า...จะมีคนไทยเสียชีวิตประมาณ ๑๕ ล้านคน จำไว้! ที่พระใหญ่ คือ ที่หลบภัย และที่ไหนมีพระสยามเทวาธิราชที่นั่นจะปลอดภัย ใครลงชื่อให้กับผู้ที่คิดร้ายกับพระมหากษัตริย์และแผ่นดิน เก็บกลับหมด

จะมีโรคใหม่เกิดขึ้น จะมีเลือดไหลออกมาทางจมูก ทางตา ทางหู ทางรูขุมขน ถ้าเอามือเข้าไปแตะ ผิวหนังตรงนั้นจะเน่าทันที ตายโดยไม่รู้สาเหตุภายใน ๔-๙ วัน เกิดจากแสงสุรยเทพ ใครเป็นคนดีรักษาศีล ๕ อย่างน้อย สวดมนต์ภาวนา(เพราะการรักษาศีลและการสวดมนต์จะเป็นพลังที่ปกป้อง คุ้มครองเราได้) จะมีแก้วใสครอบ จะปลอดภัย เขารบกันอย่าออกไปยุ่ง เมื่อถึงเวลาจะบอกอีกที

ซาตานลวงโลกใช้ไทยและไต้หวันเป็นฐานรบ ตะวันออกกลางจะเละดูไม่จืด ข้าศีกเข้ามาอยู่ในบ้านเราเป็นล้าน ศึกนอกจะใหญ่ ศีกในจะยุ่ง มันเป็นชะตาฟ้า ไม่สามารถหยุดได้ เขามีเครื่องที่วิ่งอยู่ใต้ดินได้ หัวเหมือนรถไฟ เป็นสว่าน มีคนอยู่ในนั้น เจาะลงไปให้เกิดโพรงใต้ดิน ยิงขึ้นไปข้างบนได้ ทำให้เกิดแผ่นดินไหวได้ ลงไปฝังระเบิดไว้ทุกเมืองในโลก จาคอป เป็นคนตัดสินใจว่าจะกดปุ่มหรือไม่ เจาะไว้ใต้ประเทศ ถ้ากดปุ่ม คนจะตายกว่าครึ่งโลก


• อ.ศักดาและข้าพเจ้า ถวายสังขารเป็นพุทธบูชา อุทิศชีวิตเพื่อในหลวงฯ และแผ่นดินไทย ข้าพเจ้ามีเลือดไทยไม่เต็มร้อย แต่ข้าพเจ้าก็รักในหลวงฯ และแผ่นดินไทยมากกว่าคนไทยบางคนที่มีเลือดไทยเต็มร้อย ทำไมต้องทำลายบ้านเกิดเมืองนอนของตนเอง เป็นขี้ข้าต่างชาติ ลืมคุณพระราชาที่รักษาแผ่นดิน ปกป้องแผ่นดินและทุ่มเททุกอย่างเพื่อประชาชน กรรมที่ทำกับพระองค์ท่านและราชวงศ์ จะวิบัติทั้งครอบครัว ทางสุดท้ายของชีวิต คือขุมนรก

• ข้าพเจ้าเชื่อว่าพระแม่กวนอิม, ทหารของพระแม่, พญามังกรดำและบริวาร จะช่วยเราได้และจัดการกับพญาอินทรีย์สำเร็จ แต่คนไทยจะฆ่ากันเอง โดยมีต่างชาติเสี้ยม ผู้มีอำนาจรู้เห็นเป็นใจ กรรมจริงๆ
• เบื้องบน บอกว่า...ถ้าคนดีมีศีลธรรม มีอำนาจ สงครามโลกจะจบภายใน ๒ ปี แต่ถ้ายังเป็นแบบนี้ ๑๑ ปีถึงจะจบ

• อย่าเก็บเงินดอลล่าร์กับยูโรไว้ ทุกสิ่งที่เตือนมา เชื่อก็รอด ไม่เชื่อก็ไม่รอด

• ญาติธรรมที่รักทุกท่าน ท่านทราบหรือไม่ว่า...ทางไปสวรรค์ ไปทางไหน? ไปทางเรือ ทางรถหรือขี่จรวด?.. ไปด้วย ทาน ศีล สมาธิ และปัญญา เป็นพาหนะ ทำให้เกิดตบะ ปัญญามหาศาล หนทางสู่เบื้องบน มุ่งสู่แดนนิพพาน ทำเถิด ปฏิบัติได้แล้ว คนส่วนใหญ่รู้ธรรมมาก แต่ปฏิบัติน้อย

• รวมตัวถวายคืนพระราชอำนาจให้ในหลวงฯ ให้ได้ แผ่นดินสยามอันสงบสุขจะกลับคืนมา วิบากกรรมของแผ่นดินไทยจะจบ ไพร่ฟ่า หน้าใส

คนที่เกิดมาในแผ่นดินสยาม จิตเดิมอาจไม่ใช่คนสยาม แผ่นดินไทยของเรารบราทำศึกมาไม่รู้กี่ร้อยกี่พันครั้ง ข้าศึกศัตรูเสียชีวิตในแผ่นดินไทยมากมาย เขาตายที่ไหน เขาเกิดที่นั่น เพราะฉะนั้นคนที่คิดร้ายต่อแผ่นดินไทย ต่อในหลวงฯ ต่อราชวงศ์ เพราะจิตเดิมของเขาไม่ใช่คนไทย จิตเดิมของเขามุงร้ายต่อแผ่นดินไทยอยู่แล้ว ขอให้พวกเราชาวไทยแผ่เมตตาให้กับเขา ขออโหสิกรรมให้ซึ่งกันและกัน ช่วยให้ภัยทั้งหลายที่เกิดขึ้นกับประเทศเรา เบาบางลง

ปล. ถ้าท่านต้องออกจากบ้าน แต่ไม่มีที่พักอาศัย ข้าพเจ้าและ อ.ศักดา ขอเชิญท่านมาพักที่พระไตรรัตนะเทวสถาน อ.ดอยสะเก็ด จ.เชียงใหม่(อยู่ห่างจากตัวเมืองเชียงใหม่ ๒๕ ก.ม.) พวกเราได้เตรียมเสบียงอาหาร เครื่องนอน พร้อมสำหรับทุกท่าน ไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายใดๆ ทั้งสิ้น



พระธาตุศรีสองรัก

พระธาตุศรีสองรัก  เป็นสถานที่สำคัญที่ไม่เคยรู้จักมาก่อน แต่ก็ได้ไปเที่ยวและได้ไปทำความเคารพโดยบังเอิญ จากการไปตระเวณเยี่ยมญาติ เพื่อนๆที่ภาคเหนือและอิสาน เมื่อ เมษายน  2555และก่อนจะเข้าไปหาน้องชายพ่อตาที่ค่ายศรีสองรัก จ.เลย ต้องขับรถผ่าน อ.ด่านซ้าย คุณ อาบอกเลยว่า ให้ไปไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำจังหวัด เลยก่อนนั่นคือ พระธาตุศรีสองรัก นั่นแหละผมและครอบครัวจึงได้มีโอกาสได้เข้าไป

ตอนเดินเข้าไปที่แรก ลูกชายใส่เสื้อยืดสีแดงอยู่ แม่ค้าขายล็อตตารี่ในบริเวณนั้นบอกว่าห้ามใส่สีแดงขึ้นไปเด็ดขาด  ที่แรกนึกว่ามีปัญหาการเมืองหรือเปล่า   เขาบอกว่าที่นี่ยึดถือกันมานานแล้วหละลุง เอ้อ นั่นแหละจึงได้เปลี่ยนชุดซื้อดอกไม้ธูปเทียนเดินขึ้นไปนมัสการ    ที่นี่มีคนมากราบพระธาตุเรื่อยๆ

ระเบียบในการไหว้หรือเคารพเขาให้เดินเวียนซ้าย 3 รอบผมก็ไม่ค่อยเชี่ยวชาญเรื่องพิธีกรรมเท่าไร่ นึกเข้าใจว่าการไหว้พระ  การเข้าไปหาพระที่เคยเจอมาจะต้องทำทักษิณาวัตรหรือวนขวาเท่านั้น  แต่เรื่องพระธาตุที่นี่ไม่เคยศึกษามาก่อน ทำความเคารพโดยการวนซ้าย


ประวัติพระธาตุศรีสองรักพระธาตุศรีสองรัก ตั้งอยู่ที่ อ.ด่านซ้าย จ.เลย นับเป็น พระธาตุคู่บ้านคู่เมืองของจังหวัดเลย โดยตัวองค์พระธาตุนั้น มีศิลปกรรม การก่อสร้างแบบ ล้านช้าง ตัวเจดีย์สร้างแบบก่ออิฐถือปูน สูงประมาณ 30 เมตร

พระธาตุศรีสองรัก ได้สร้างขึ้นในแผ่นดินของสมเด็จพระมหาจักรพรรดิ์ผู้ครอบครองกรุงศรีอยุธยาแห่งอาณาจักรสยาม สมัยนั้น และพระเจ้าไชยเชษฐาธิราชผู้ครองกรุงศรีสัตนาคนหุต (เวียงจันทร์) แห่งอาราจักรล้านช้างสมัยนั้น เพื่อเป็นสักขีพยานในการทำสัญญาทางพระราชไมตรี     และเป็นด่านกั้นเขตแดนของสองพระนครในสมัยโน้น

ทั้งนี้เนื่องจากในระหว่างที่กษัตริย์ทั้งสองพระองค์ครองราชสมบัติ   ตรงกับสมัยที่พม่าเรืองอำนาจ เพราะพม่ามีกษัตริย์ที่เข้มแข็งในการสงครามปกครองคือ  พระเจ้าตะเบ็งชเวตี้  และพระเจ้าบุเรงนองได้ยกทัพมารุกรานกรุงศรีอยุธยาและกรุงศรีสัตนาคนหุตหลายคราว  สมเด็จพระมหาจักรพรรดิกับพระเจ้าไชยเชษฐาธิราช   จึงทำไมตรีกัน เพื่อร่วมกันต่อสู้กับพม่า และเพื่อเป็นที่ระลึกในการทำไมตรีกันครั้งนี้    ได้ทรงร่วมกันสร้างพระเจดีย์ขึ้นเป็นสักขีพยานจึงได้ขึ้นชื่อว่า "พระธาตุศรีสองรัก "

ตามตำนานกล่าวไว้ว่าได้สร้างขึ้น ณ ที่กึ่งกลางระหว่างแม่น้ำโขงกับแม่น้ำน่านบนโคกไม้ติดกัน เริ่มสร้างแต่ พ.ศ. 2103 ตรงกับปีวอก โทศก จุลศักราช 922 และเสร็จเมื่อ พ.ศ. 2106 ตรงกับปีกุล เบญจศก จุลศักราช 925 ในวันพุธขึ้น 14 ค่ำ เดือน 6 และได้ทำพิธีฉลองสมโภชในวันพฤหัสบดี ขึ้น 15 ค่ำ เดือน 6 การสร้างพระธาตุศรีสองรัก นับเป็นสักขีพยานในความรักใคร่ของชนชาติเผ่าลาวในดินแดนล้านช้างสมัยนั้น มาตั้งแต่โบราณการเป็นอย่างดี พระธาตุศรีสองรักนี้ ประชาชนในท้องที่จังหวัดเลยและจังหวัดใกล้เคียงให้ความเคารพนับถือ เป็นปูชนียสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ ในวันเพ็ญเดือน 6 จะการทำพิธีสมโภชและนมัสการพรเจดีย์ขึ้นทุกปีจนถือเป็นประเพณีตลอดมาจนทุกวันนี้


พระธาตุศรีสองรัก นับแต่สร้างมาจนถึงปัจจุบันนี้นับได้ 400 ปีเศษ นอกจากเป็นปูชนียสถานสำคัญของอำเภอด่านซ้าย ยังเป็นปูชนียสถานที่สำคัญที่สุดของจังหวัดเลยอีกด้วย

หากเราเดินขึ้นไปด้านบนของวัดพระธาตุศรีสองรัก ก็จะพบเป็นเจดีย์ที่ก่อด้วยอิฐถือปูนมีฐานเป็นเหลี่ยมจัตุรัส ขนาดกว้างด้านละประมาณ 8 เมตร สูงประมาณ 32 เมตร อยู่ห่างจากที่ตั้งจังหวัดเลยไปทางทิศตะวันตกประมาณ 1กิโลเมตรและอยู่ห่างจากที่ตั้งจังหวัดเลยไปทางทิศตะวันตก ประมาณ 83 กิโลเมตร องค์พระเจดีย์ตั้งอยู่ในวัดพระธาตุศรีสองรักบนเนินริมน้ำหมัน ซึ่งเป็นวัดที่ไม่มีพระภิกษุพำนักอยู่ในวัด นอกจากองค์พระเจดีย์แล้ว ถัดไปทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือมีโบสถ์ 1 หลัง ภายในโบสถ์มีพระพุทธรูปนาคปรก 1 องค์ และพระพุทธรูปอื่น ๆ อีกบ้าง และถัดองค์พระเจดีย์ไปทางทิศตะวันตกมีศิลาจารึก 1 แผ่น ซึ่งจารึกตำนานการสร้างพระธาตุศรีสองรักด้วยอักษรธรรมอยู่ด้วย


                    จ้าพ่อกวน ถาวรและเจ้าแม่นางเทียม คำฝูงผู้นำประกอบพิธีกรรมคนปัจจุบั 

ทุกวันขึ้น 15 ค่ำเดือน 6 ชาวด่านซ้ายหรือ “ลูกผึ้งลูกเทียน” จะร่วมกันจัดงานสมโภชพระธาตุศรีสองรักขึ้นโดยจะนำ “ต้นผึ้ง” (ประดิษฐ์จากโครงไม้ไผ่เป็นทรงหอปราสาทขนาดกว้าง 2 ฟุต สูง 2 ฟุตเศษ กรุรอบด้วยลวดลายงานแทงหยวกจากนั้นประดับด้วย “ดอกผึ้ง” ซึ่งทำจากแผ่นเทียนกลม ๆ บาง ๆ ตากแดดแล้วจับเป็นกลีบ ตรงกลางติดดอกบานไม่รู้โรย หรือขมิ้นหั่นเล็ก ๆ ต่างเกสรดอกไม้สีสดใส) เทียนเวียนหัว (เทียนแท่งที่ฟั่นยาวพอคาดได้รอบศีรษะ) มาถวายองค์พระธาตุถือเป็นประเพณีอันศักดิ์สิทธิ์ที่เกิดขึ้นเป็นประจำทุกปี ในช่วงปลายเดือนเมษายนถึงเดือนพฤษภาคมจะมีการจัดงานนมัสการพระธาตุศรีสองรักขึ้นทุกปี

วัดเนรมิตวิปัสนา  
มีเรื่องที่จะว่าแปลกก็ได้ หรือวาไม่แปลกก็ได้ คือวันนั้น ที่พระธาตุศรีสองรักหลังจากไหว้พระธาตุเสร็จแล้วปรากฏว่าแว่นสายตาผมหายต้องใช้ใส่ขับรถ


เสียด้วยซี คิดแล้วน่าจะหายตอนก้มกราบพระธาตุ จึงชวนลูกไปเดินวนหาดู ก็ได้เจอเด็กหนุ่มคนหนึ่งมาถามว่าพี่หาอะไร บอกไปแล้วเขาเอามาให้และบอกว่าคาดแล้วว่าน่าจะเป็นของพี่ คุยกันครู่หนึ่งน้องเขาบอกว่าให้ผมไปเที่ยววัดเนรมิตรวิปัสนาก่อน เพราะสวยมาก ผมบอกว่าคงเอาไว้ขากลับดีกว่าเพราะต้องไปที่ค่ายศรีสองรักกลัวจะค่ำก่อน กลางคืนตาไม่ดีไม่อยากขับรถ แล้วผมก็ขับรถไปตั้ง GPS เรียบร้อย มุ่งตรงไป จ.เลย ค่ายศรีสองรักโดยด่วน ขับไปยังไงไม่รู้ GPS พาวนกลับมาที่หน้าวัด เนรมิตวิปัสนา



พอดี แปลกใจมาก คุยกับเมียว่าสงสัยเขาจะให้เรามาที่นี่ก่อนแน่ๆ จึงตัดสินใจเข้าไปในวัดก่อน ไปจ .เลย ค่ำก็ค่ำ .. เดินเข้าไปสวยจริงๆครับ แล้วยังได้ไปเจอน้องชายคนนั้นที่บอกให้มาเที่ยว เลยขอถ่ายรูปไว้เป็นที่ระลึก ถือว่าแปลกดี


มาแล้วก็ถ่ายรูปมานิ๊ดหน่อย เป็นวัดที่สร้งได้สวยงามครับ  รายละเอียดต่างๆยังไม่ได้ไปค้นหาข้อมูล

สัญญานเตือนจากสัตว์

  สัตว์บอกเหตุ

คนไทยเราให้ความสนใจกับเรื่องราว “ความเชื่อ” ที่สืบทอดกันมาเรื่อย ๆ นับแต่โบราณกาลจนปัจจุบัน ดังนั้น...แม้เมืองไทยยามนี้จะมีปัญหาใหญ่ ๆ ทั้งทางการเมือง-เศรษฐกิจ-สังคม ที่น่าเป็นห่วง บางครั้งบางคนยังสังเกตุ สัญญานเตือนภัย จากสัตว์ ตามแบบความเชื่อโบราณก็มี เช่น...กระแส “นกแสกผี” ก็สามารถที่จะแทรกเข้ามาครองพื้นที่ความสนใจของคนไทยได้อย่างแพร่หลายในวง กว้าง





“ลางบอกเหตุ” “ลางดี-ลางร้าย” ยังมีคนไทยเชื่อกันอยู่ และกับ “สัตว์” คนไทยก็เชื่อกันว่า “บอกเหตุ” ได้ ทั้งนี้ กรณี “สัตว์บอกเหตุ” เป็นลางดี-ลางร้ายนี้ ก็มีสัตว์หลายชนิดที่เชื่อกันว่าบางพฤติกรรมของมันนั้นสามารถบ่งบอกสิ่งที่ จะเกิดได้ ซึ่งจะว่าไปแล้วกรณีที่มีการพิสูจน์หรือติดตามเก็บข้อมูลกันอยู่ในเชิง “วิทยาศาสตร์” ที่เกี่ยวโยงกับ “ปรากฏการณ์ธรรมชาติ” ก็ดูจะคล้าย ๆ กันอยู่เหมือนกัน ไม่ ว่าจะเป็นสัตว์อย่าง... มด, แมลงต่าง ๆ, กบ, หิ่งห้อย, นก, สัตว์ป่าต่าง ๆ ฯลฯ กับการที่จะเกิด... ฝนตก, น้ำท่วม, น้ำป่า หรือแม้แต่ แผ่นดินไหว

อย่างไรก็ตาม กล่าวสำหรับความเชื่อของคนไทยเรื่องลางดี-ลางร้ายที่จะเกิดกับคนอันเนื่อง จากพฤติกรรมของสัตว์นั้น ก็ยกตัวอย่างเช่น... จิ้งจก ก็มีความเชื่อเรื่องจิ้งจกร้องหรือ “จิ้งจกทัก” ก่อนจะออกจากบ้าน ก็จะมีทั้งแบบที่เชื่อว่าเป็นลางดีและลางร้าย ซึ่ง “สกู๊ปหน้า 1 เดลินิวส์” เคยนำเสนอไปบ้างแล้วเมื่อไม่นานมานี้

ตุ๊กแก เมื่อมาอยู่ในบ้าน คนโบราณส่วนหนึ่งเชื่อว่าเกี่ยวข้องกับวิญญาณบรรพบุรุษมาช่วยคุ้มครอง

แต่ถ้า “ตุ๊กแกร้องตอนกลางวัน” ตั้งแต่เช้ามืดถึงก่อนพลบค่ำ เชื่อว่าเป็นการบอกเหตุร้าย และบางคนก็มีสูตรความเชื่อนอกเหนือจากนี้โดยนับจำนวนครั้งการร้องของตุ๊กแก แล้วจึงตีความว่าเป็นลางดีหรือลางร้ายกันแน่

แมว และสัตว์อื่น ๆ ถ้าเป็น สีดำ ถ้าก่อนออกจากบ้านมันวิ่งตัดหน้าจากด้านขวาไปซ้าย เชื่อกันว่าเดินทางจะมีอันตราย เจออัปมงคล ต้องแก้เคล็ดโดยเปลี่ยนไปออกทางอื่น และกับ “แมวดำ” ใครเคยดูหนังไทยแนวผี ๆ สมัยก่อนคงจะคุ้น ๆ กับฉากแมวดำกระโดดข้ามโลงศพแล้วทำให้เกิด “ผีเฮี้ยน”

ผึ้ง ถ้า “ผึ้งทำรังในเขตบ้าน” เชื่อว่าเจ้าของบ้านจะมีโชค และเชื่อว่าถ้าไปไล่ทำลายรังจะเกิดหายนะ, สัตว์ป่าต่าง ๆ ถ้าเข้ามาในเขตบ้านจากทางทิศเหนือและตะวันตก เชื่อว่าจะให้ลาภ แต่ถ้าเป็นทิศอื่น ๆ จะอัปมงคล, ตัวเงินตัวทอง-ตะกวด-เหี้ย เชื่อว่าเป็นอัปมงคล แต่ถ้าเข้าบ้านให้พูดแต่สิ่งดี ๆ ก็เชื่อว่าจะแก้เคล็ดให้เกิดสิ่งดี ๆ ได้

ที่ว่ามาก็ตัวอย่างความเชื่อเรื่อง “สัตว์บอกเหตุ”และกับ “นก” ก็มีความเชื่อเรื่องการ “บอกเหตุ


เช่น... “นกถ่ายมูลรดหัว” จะเป็นนกอะไรก็ตาม ถ้าคนอยู่บริเวณบ้านแล้วนกบินมาถ่ายรดหัว เชื่อว่าจะมีเหตุร้ายให้เดือดร้อน และถ้ากำลังจะออกจากบ้านแล้วโดนนกถ่ายรดหัว เชื่อว่าจะไปเจออันตราย อุบัติเหตุ

อีกาดำ จริง ๆ แล้วกาชนิดต่าง ๆ เป็นนกที่อายุยืน แต่กลับมีความเชื่อว่า “กาดำเป็นนกนำสารจากดินแดนแห่งความตาย” บางคนก็มองมันเป็นสัญลักษณ์ของความ “ดุร้าย-สกปรก-ขี้ขโมย” ซึ่งกับสถานที่สำคัญ ทางการเมืองของไทยอย่าง ทำเนียบรัฐบาล ก็เคยมีอีกาดำมาทำพฤติกรรมแปลก ๆ ให้ฮือฮา ให้วิพากษ์วิจารณ์กันอยู่เนือง ๆ อย่างเช่นบินมาจิกตีกันบนยอดตึกไทยคู่ฟ้า ภายในทำเนียบฯ

กับพฤติกรรมแปลกของนกที่เกิดที่ทำเนียบฯ ก็เคยมีเหตุ “นกเอี้ยงตามจิกตีตัวเหี้ยขนาดใหญ่” ราวกับโกรธแค้นสุด ๆ ซึ่งก็วิจารณ์กันแซดว่าเป็นอาเพศ-ลางไม่ดี และนักการเมืองซีกรัฐบาลขณะนั้นก็ถูกแนะนำให้แก้เคล็ด

สำหรับ นกแสก นี่ดูจะโดนหนักหน่อย เพราะถูกเชื่อว่าเป็น “นกผี” ซึ่งนอกจากกรณีที่เพิ่งเป็นข่าวดังแล้ว โบราณก็เชื่อกันว่าถ้านกแสกบินผ่านหลังคาบ้านแล้วร้อง หรือเกาะหลังคาบ้านไหน “เป็นลางบอกเหตุว่าจะมีคนตาย” ซึ่งก็มีเรื่องเล่าที่ไม่มีการยืนยัน ประมาณว่าบางคนกำลังป่วยหนักอยู่ พอเจอลางแบบนี้ก็ยิ่งใจเสียไปเลย


ทั้งนี้ กับเรื่องลางบอกเหตุจากสัตว์นี้ ถ้าจะว่ากันในเชิงจิตวิทยา ดร.วัลลภ ปิยะมโนธรรม นักจิตวิทยา บอกว่า. ถ้าเป็นเรื่องของเสียงนกแสกที่ร้องตอนกลางคืน ทางด้านจิตวิทยาแล้วเสียงจะเป็นรูปธรรม เป็นเหมือนตัวแทนของอารมณ์ ซึ่งความมืดของเวลากลางคืนที่เงียบสงัดจะควบคู่กับความกลัวของมนุษย์อยู่ แล้ว ยิ่งมีเสียงร้องที่ฟังดูน่ากลัวของสัตว์ต่าง ๆ ก็ยิ่งทำให้เป็นการ “กระตุ้นอารมณ์ความกลัวของมนุษย์” ให้มีมากขึ้นไปอีก

นักจิตวิทยาระบุอีกว่า... เรื่องของเสียงนั้นเป็นเรื่องของความรู้สึกทางความคิด เมื่อมีเสียงที่กระตุ้นอารมณ์กลัว จิตของมนุษย์ก็จะอุปาทานไปเอง ทำให้เกิดอาการ “หลอน” ได้ ยิ่งเป็นเสียงร้องของสัตว์ในเวลากลางคืนที่มักจะฟังดูโหยหวน ก็ยิ่งกระตุ้นความกลัวของมนุษย์ เพราะเสียงโหยหวนจะคู่กับความน่ากลัว อย่างเช่นเสียงของสุนัขที่เห่าหอนหาคู่ในเวลากลางคืนที่มีผลกับอารมณ์ของคน “ทำให้นึกถึงเรื่องผี” ก็คล้าย ๆ กรณีเสียงนกแสก

“ความเชื่อว่าพฤติกรรมของสัตว์เป็นลางบอกเหตุ มีมาตั้งแต่สมัยโบราณ และไม่ได้มีเฉพาะในประเทศไทย แต่มีอยู่ทั่วโลก ซึ่งจากเรื่องความเชื่อนั้น ก็นำไปสู่เรื่องของจิตใต้สำนึกสะสม สัตว์ที่ถูกกำหนดว่าเป็นลางบอกเหตุร้าย อาจจะมีส่วนเชื่อมโยงกับการที่เคยคุกคามมนุษย์ หรือเกี่ยวพันในเหตุการณ์ร้าย ๆ มาก่อน จึงถูกตั้งหรือกำหนดให้เป็นลางบอกเหตุร้าย” ...ดร.วัลลภระบุทิ้งท้ายในทางหลักจิตวิทยา
รายงานข่าวอ้างสำนักข่าวเอเอฟพีที่ได้รายงานว่า

เมื่อวันที่ 20 ก.พ 2554.ที่ผ่านมา นักท่องเที่ยวบริเวณชายหาดของเกาะสจ๊วต นอกชายฝั่งทางตะวันตกเฉียงใต้ของเกาะใต้ ประเทศนิวีแลนด์ ต่างก็ต้องตกตะลึง หลังพบมีวาฬนำร่องประมาณ


107 ตัวได้มานอนเกยตื้นตายอยู่บริเวณชายหาดดังกล่าว ซึ่ง จากการเข้าตรวจสอบของเจ้าหน้าที่กรมอนุรักษ์ธรรมชาติ เผยว่า การตายหมู่ดังกล่าวอาจจะมีสาเหตุมาจากพวกมันอาจจะว่ายพลัดหลงมาเกยหาด ประกอบกับน้ำทะเลมีกำลงลดระดับลงอย่างรวดเร็ว จึงไม่สามารถที่จะทำให้ไม่สามารถว่ายกลับลงน้ำทะเลได้จึงทำให้พวกมันเสีย ชีวิตอีกทั้งบริเวณดังกล่าวมักจะพบว่ามีวาฬขึ้นมานอนเกยตื้นตายบ่อย ครั้งมาก โดยเมื่อต้นเดือนที่ผ่านมา มีวาฬ 14 ตัวก็ขึ้นมาเกยตื้นตายบนหาดใกล้เมืองเนลสัน แหล่งท่องเที่ยวบนเกาะใต้ และอีก 24 ตัวใกล้กับแหลมเรนกา ทางตอนเหนือของประเทศขณะที่นักวิทยา ศาสตร์ ยังมืดแปดด้านไม่ทราบแน่ชัดว่าเหตุใดวาฬนำร่องเหล่านั้นจึงขึ้นมาเกยตื้นเอง อย่างไรก็ตามการตายของมันอาจจะเป็นสัญญานเตือนของภัยพิบัติก็เป็นได้    หลังจากนั้นเมื่อช่วงเวลา12.51น. วันนี้(22 ก.พ.54) ตามเวลาท้องถิ่น ได้เกิดแผ่นดินไหวขนาด 6.3 ริคเตอร์ ขึ้นในไครสต์เชิร์ช เมืองใหญ่อันดับสองของนิวซีแลนด์ ทำให้มีตึกพังถล่มหลายแก่ง และเจ้าหน้าที่ต่างต้องสั่งเร่งอพยพประชาชนเป็นการด่วนหวั่นเกิดอันตราย 
 
 นักสัตววิทยาฝรั่งเศสเฝ้าสังเกตสัตว์จากภาพทีวีวงจรปิด พบว่าในช่วงเกิดภัยสึนามิถาโถมเข้าประเทศศรีลังกา พวกมันแสดงพฤติกรรมบางอย่างที่รับรู้ล่วงหน้าก่อนที่ภัยร้ายจะถึงตัว แถมยังส่งเสียงแจ้งเตือนพรรคพวกให้รีบลี้ภัยขึ้นบนที่สูง ภาพทีวีวงจรปิดในมุมสูงของสวนสัตว์แห่งชาติ ยาลาในศรีลังกา แสดงให้เห็นสวนสัตว์ที่ถูกน้ำไหลบ่าเข้าท่วมจากคลื่นยักษ์สึนามิ แต่ไม่มีสัญญาณเลยว่าสัตว์สงวนอย่างช้าง เสือดาว กวาง หมาไน และจระเข้ ล้มตาย

สภาพการณ์ดังกล่าวช่วยเพิ่มข้อมูลเล็กๆ น้อยๆ ให้เราได้รับทราบเกี่ยวกับภัยพิบัติอย่างคลื่นยักษ์ แผ่นดินไหว และภูเขาไฟระเบิด ซึ่งเมื่อเกิดปรากฏการณ์เหล่านี้ นกจะพากันบินหนี สุนัขหอนโหยหวน ฝูงสัตว์จะวิ่งแตกตื่นไปหาสถานที่ปลอดภัยก่อนที่ภัยพิบัติจะมาเยือน

"ในเรื่องของการสั่นไหว แรงสั่นสะเทือน หรือเสียงคลื่นนั้น สัตว์มีความสามารถ ซึ่งมนุษย์ไม่มี อาทิ ช้างมีการสื่อสารของคลื่นเสียง ซึ่งมีย่านความถี่ต่ำกว่าระดับที่มนุษย์สามารถได้ยิน ช้างสามารถจับเสียงเหล่านี้ได้จากระยะไกลมาก เรียกได้ว่าอยู่ห่างไปหลายกิโลเมตรก็สามารถจับสัญญาณได้" เฮอร์เว ฟริตซ์ นักวิจัยพฤติกรรมสัตว์แห่งศูนย์วิจัยวิทยาศาสตร์แห่งชาติของฝรั่งเศส กล่าว

ทั้งนี้ คลื่นเสียงความถี่ต่ำแบบที่เรียกว่าอัลฟราซาวนด์ มักมีความถี่ต่ำกว่า 20 เฮิรตซ์ ซึ่งต่ำกว่าระดับที่มนุษย์จะสามารถได้ยิน โดย ฟริตซ์นำเสนอทฤษฎี เพื่ออธิบายว่าเหตุใดช้างจึงอาจมีสัญญาณเตือนว่าจะเกิดคลื่น

นั่นเป็นเพราะว่า ช้างน่าจะสามารถจับ "สัญญาณภาคพื้นดิน" ของการสั่นสะเทือนหรือเสียงจากอากาศ ที่เกิดขึ้นจากการเคลื่อนที่ของสัตว์หรือสิ่งอะไรก็ตามที่มีขนาดใหญ่ อันเป็นเสียงที่มนุษย์ไม่สามารถได้ยิน

แต่ช้างก็ไม่ใช่สัตว์ประเภทเดียวที่สามารถจับสัญญาณอันตรายจากการสั่นสะเทือนได้ เพราะกระต่ายและสัตว์สี่เท้าอื่นๆ ก็สามารถรับรู้ภัยล่วงหน้าได้ ผ่านทางพื้นดิน รวมถึงนกพิราบ ซึ่งอ่อนไหวมากกับการเปลี่ยนแปลงของความกดอากาศ  ส่วนผึ้งก็มีประสาทสัมผัสที่มีความแม่นยำสูงมาก และจะมีปฏิกิริยาต่อการเปลี่ยนแปลงของสนามแม่เหล็กในโลก ขณะที่ค้างคาวอาศัยการรับฟังคลื่นเสียง และเสียงสะท้อนเพื่อจับตำแหน่งของสิ่งนั้นๆ

นอกจากนั้น สัตว์ซึ่งอยู่ร่วมกันเป็นฝูงอย่างช้าง กวาง และนก ยังมีรหัสเตือนภัยอันทรงประสิทธิภาพ นั่นคือ เสียงร้องในแบบพิเศษที่สามารถเตือนเพื่อนร่วมฝูงให้หนีได้ทันเมื่อเห็นอันตรายใกล้เข้ามาก

ประสาทสัมผัสเหล่านี้เชื่อว่า ช่วยให้สัตว์ต่างๆ ตรวจจับภัยอันตรายล่วงหน้าได้ เพียงแค่มีการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นเล็กน้อย หรือในกรณีที่วัตถุเกิดการสั่นไหว จึงไม่แปลกเลยที่คลื่นสึนามิไม่สามารถทำอันตรายพวกมัน

 ผมมหาปลี ขอเสริมหน่อยครับว่า คนที่เลี้ยงช้างไว้แสดงโชว์ที บ้านคึกคัก จ. พังงา ที่โดนทสึนามิถล่ม เล่าให้ฟังว่า ก่อนเกิดเหตุ 4-5 วันสัตว์พวกงู จะออกมาเยอะ ส่วนช้างที่เลี้ยงไว้สบัดโซ่ขาดก่อน ราวๆ วัน 2 วันก่อนที่คลื่นทซึนามิจะถล่ม


แผ่นดินไหว 8.0 ริคเตอร์ เมื่อเดือน พ.ค. 2551 ที่มณฑลเสฉวน ทางตะวันตกเฉียงใต้ของประเทศจีน มีผู้เสียชีวิตและสูญหายรวมแล้ว 87,000 คนโดย 10 วัน ก่อนเกิดเหตุแผ่นดินไหวใหญ่ในจีนเมื่อปี 2551 มีสัญญาณจากธรรมชาติหลายอย่างด้วยกันคือ
1. เกิดหนองน้ำใหม่   หนองน้ำประหลาด ?  ก่อนหน้าเกิดเหตุแผ่นดินไหว 2 สัปดาห์ หรือ 14 วันในเขต Enshi ห่างจากเมือง Wuhan ประมาณ 400 โล ชาวบ้านรายงานไปยังหนังสือพิมพ์ว่า อยู่ๆ วันหนึ่ง ตื่นมาตอนเช้าก็พบหนองน้ำประหลาด ไม่รู้ใครมาขุดตั้งแต่เมื่อไหร่เพียงแต่ช่วงบ่ายๆ ก่อนหน้าวันนั้น ชาวบ้านได้ยินเสียงครืนๆ แปลกๆ อยู่รอบๆ หมู่บ้าน สัก 4 ชั่วโมงได้ แต่ก็ไม่ได้คิดอะไร จนกระทั่งมาเจอบ่อที่ค่อยๆ มีน้ำผุดขึ้นมาเรื่อยๆ และจุได้ถึง 80,000 ตันเลยทีเดียวเมื่อถ่ายรูปหนองน้ำที่ยังแห้งผากลงข่าวในหนังสือพิมพ์เรียบร้อยแล้ว ไม่กี่วันถัดมา นักวิจัยที่กลับมาสำรวจก็ต้องอึ้งเมื่อพบว่าน้ำเต็มบ่อ แถมยังมีปลาตัวใหญ่เบ้อเร่อให้ชาวนาได้จับไว้กินอีกด้วย

 2.การเคลื่อนย้ายของฝูงสัตว์
เมื่อสัตว์เคลื่อนทัพ ? หลายวันก่อนแผ่นดินไหว บริเวณที่ห่างจากจุดเกิดเหตุประมาณ 60 ไมล์ มีคนตื่นตะลึงกับจำนวนผีเสื้อนับล้านตัว ที่พากันบินว่อน เกาะกลุ่มเคลื่อนทัพราวกับว่าจะย้ายที่อยู่อาศัยไปไหนก็ไม่รู้หลายวันถัดมา คือ วันที่ 9 พฤษภาคม 2551 ก่อนหน้าเกิดเหตุ 4 วัน ในมลฑล Jiangsu ก็พบฝูงกบนับพัน พากันออกจากทุ่งนามาข้ามถนนอย่างไม่กลัวตาย

ในข่าวบอกว่าหลังจากบันทึกภาพไว้แล้ว พวกมันก็โดนรถทับเละ ไม่รู้ว่ามีกี่ตัวที่อพยพได้สำเร็จ (รูป) กบนับหมื่นตัวพากันข้ามถนนในจีน ในวันที่ 9 พฤษภาคม 2551 ก่อนเกิดแผ่นดินไหว 2 วัน


3. แพนด้าไดเอท

หมีแพนด้าที่ถูกบันทึกว่ามีท่าทีเศร้าสร้อยและไม่ยอมกินไม้ไผ่อาหารโปรด

4. เมฆแผ่นดินไหว

เรื่องเมฆแผ่นดินไหว ตามทฤษฎีของ Zhonghao Shou นักเคมีชาวจีนที่ศึกษามานานมาก จนยืนยันว่า 70% ของก้อนเมฆที่ถ่ายรูปไว้ มีแผ่นดินไหวเกิดขึ้นตามมา ในเหตุการณ์นี้ก็เหมือนกัน มีนักถ่ายภาพคนหนึ่งถ่ายรูปเมฆเอาไว้เมื่อวันที่ 9 พฤษภาคม 2551 ก็คือ 2 วันก่อนแผ่นดินไหว ในบริเวณ Linyi มณฑฉาตง (Shandong)

นอกจากนี้ ยังมีปรากฏการณ์แสงรุ้งบนก้อนเมฆ หรือ “เมฆเรืองแสง” ที่มณฑลชานซี ที่ฮือฮาในข่าวอยู่หลายวัน ซึ่งปรากฏอยู่บนท้องฟ้า 30 นาทีถึง 10 นาทีก่อนเกิดเหตุ ตอนนี้ 200 กว่าเวบไซต์มีการพูดคุยเรื่องลางสังหรณ์เหล่านี้ทั้งอย่างวิเคราะห์

และบางคนเชื่อว่า นี่คือลางบอกเหตุที่ชัดเจนมากๆ และบอกด้วยว่า ในช่วงหลายวันก่อนเกิดเหตุนั้น นาย Li Shihui นักวิทยาศาสตร์ของจีนได้ทำนายและตั้งข้อสังเกตเหล่านี้ในเวบบล็อกของเขาว่า น่าจะเกิดเหตุแผ่นดินไหวในสเกลที่ใหญ่ว่า 7.0 ริกเตอร์เป็นแน่แท้ จึงมีการเตือนให้รับมือครั้งใหญ่ แต่ทว่าในช่วงเวลานั้น ไม่มีใครสนใจมากนัก



2518 แผ่นดินไหวเมืองไฮชิง 
หลายครั้งที่สัญชาติญาณชี้เตือนภัยของสัตว์ถูกเมิน ไม่ได้รับความสนใจ จนกระทั่งเกิดโศกนาฏกรรมขึ้น แต่ในเดือนกุมภาพันธ์ 2518 นักวิทยาศาสตร์ในเมืองไฮชิง ประเทศจีน ต่างสงสัยเมื่อแมวแสดงอากัปกริยาหวาดระแวง และหมาก็เริ่มเห่าหอนไม่หยุดหย่อน จนนักวิทยาศาสตร์เกิดความเชื่อมั่นว่ากำลังจะมีภัยพิบัติเกิดขึ้น

เจ้าหน้าที่จึงได้สั่งให้ทำการอพยพผู้คน หนีภัยออกจากเมืองในทันที เพียง 5 ชั่วโมงครึ่งหลังจากนั้นก็เกิดแผ่นดินไหวขึ้นที่เมือง วัดแรงสั่นสะเทือนได้ระดับ 7.3 ริกเตอร์  ในครั้งนั้นมีผู้คนเสียชีวิตแค่ 2,000 คน ส่วนตัวเมืองนั้นพังราบ ผู้เชี่ยวชาญคาดการณ์กันว่าหากไม่ได้ทำการอพยพ คงจะมีผู้เสียชีวิตถึง 150,000 คน 
นับเป็นครั้งแรกที่เมืองได้รับการอพยพหนีก่อนเกิดแผ่นดินไหว ในครั้งนี้สัตว์ก็ได้รับการยอมรับจากทุกฝ่ายว่าช่วยเตือนถึงอุบัติภัยที่กำลังจะเกิดขึ้น

17 มกราคม2538 แผ่นดินไหวเมืองโกเบ ประเทศญี่ปุ่น
ในเดือนมกราคม 2538 ณ เมืองโกเบ ประเทศญี่ปุ่น เกิดแผ่นดินไหว ระดับ 7.2 ริกเตอร์ มีผู้เสียชีวิตถึง 6,400 คน ผู้บาดเจ็บ 27,000 คน โดยก่อนหน้าเกิดแผ่นดินไหว ผู้คนในเมืองต่างสังเกตว่าสุนัขทั่วทั้งเมืองต่างเห่าต่อเนื่อง ไม่มีหยุดตลอดวันตลอดคืน
น.พ.คิโยชิ ชิมามูระ ได้ศึกษาแผ่นดินไหวครั้งนี้โดยละเอียด และพบว่ามีรายงานสุนัขกัดคนเพิ่มมากขึ้นในช่วงไม่กี่สัปดาห์ก่อนเกิดแผ่นดินไหว จึงตั้งสมมุติฐานว่าสัตว์นั้นรู้ล่วงหน้าถึงแผ่นดินไหวจึงเกิดอาการเคร่งเครียด
     2519 แผ่นดินไหวเมืองตังฉาน
ในเดือนกรกฏาคม 2519 ประเทศจีนถูกแผ่นดินไหว ระดับ 7.8 ริกเตอร์ เมืองตังฉาน ซึ่งเป็นเมืองอุตสาหกรรมนั้นถูกกระทบอย่างหนัก มีผู้เสียชีวิตถึง 240,000 คน  ช่วงระยะเวลาไม่กี่ชั่วโมงก่อนเกิดแผ่นดินไหว สถานีวิทยุท้องถิ่นได้รายงานถึงหมีแพนด้าซึ่งเอามือกุมหัว ร้องโหยหวนไม่มีหยุด คนเลี้ยงแพนด้านั้นรู้สึกแปลกใจ แต่ในภายหลังจึงเข้าใจและเชื่อว่าแพนด้าคงรู้สึกได้ล่วงหน้าว่าแผ่นดินไหวกำลังจะมา