วันพิพากษาโลก

คำทำนายของ พระอาจารย์ชา  ญาณ์ธนโชติแห่งบ้านธะธรรมชาติ คำทำนายที่ต้องเก็บไว้เป็นหลักฐาน

พระอาจารย์ชาคือใคร...พระอาจารย์ชา เป็นพระศาสดาองค์ใหม่ มีนามเต็มว่า พระอนัตต์ณังธะโคตร ก่อตั้งศาสนาใหม่เมื่อปี พศ. 2559 ดูประวัติที่  http://thathammachat.blogspot.com/2016/07/blog-post_29.html

16/7/59
วันพิพากษาโลก...แต่ไม่สิ้นโลก
จาก..http://thathammachat.blogspot.com/2016/07/blog-post_10.html

พระอาจารย์ชา  ญาณ์ธนโชติ  แห่งบ้านธะธรรมชาติ   ได้ออกมาเตือนถึงเรื่องราวของมหาภัยพิบัติ ที่จะเกิดขึ้น ว่าอีกไม่เกิน ๑๓ปี ๔ เดือน ข้างหน้า โลกมนุษย์เราจะเกิดภัยพิบัติอย่างใหญ่หลวง รุนแรงถึงขั้นทำให้ประชากรโลก  เสียชีวิตทันทีอย่างต่ำ ๔ พันล้านคน  (ประชากรรวมทั้งโลกขณะนี้มีเจ็ดพันกว่าล้านคน)


(เรื่องนี้ท่านรู้มาก่อนนานแล้ว ว่าต้องเกิดขึ้นอย่างแน่นอน ไม่สามารถจะหลีกเลี่ยงได้ เพราะเป็นกรรมของมวลมนุษย  ท่านไม่สามารถจะระบุวันเวลาที่แน่นอนได้อย่างเฉพาะเจาะจง เพราะธรรมชาตินั้น ยิ่งใหญ่มากจะมีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา อาจจะเกิดขึ้นเร็วหรือช้า แต่จะไม่เกิน ๑๓ ปี ๔ เดือน นี้อย่างแน่นอน) ซึ่งหลายท่านอาจยังคงมีชีวิตอยู่ทันที่จะได้พบเห็นกับเหตุการณ์สุดสยองเหล่านี้

เรื่องภัยพิบัตินั้นมันจะเกิดขึ้นหรือไม่เกิดขึ้นก็ตาม พวกเราที่เป็นผู้ที่มีปัญญาไม่ควรประมาท ควรที่จะศึกษาเรียนรู้และหาวิธีรับมือเอาไว้ก่อน ดีกว่าปล่อยไปตามเวรตามกรรม...

เรามาฟังถึงเรื่องราวที่พระอาจารย์ชา ได้เล่าให้คณะศิษย์...ฟังกันว่าเป็นอย่างไร?


เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในวันนั้น ท้องฟ้าดูหมองหม่น ไม่มีฝน ลมไม่พัดเลยเงียบเชียบวังเวง สัตว์เลี้ยงดูรุกรี้รุกรน วิ่งวนไปมา ร้องครวญครางอย่างผิดปกติ

1) ต่อมาจะมีดาวเคราะห์ใหญ่ดวงหนึ่งโคจรเข้ามาใกล้รัศมีของโลกมาก แต่จะไม่ชนโลก

2) ทำให้สนามแม่เหล็กของดาวดวงนั้นที่มีพลังงานคลื่นแม่เหล็กที่เป็นขั้วบวกกับขั้วลบระหว่างของโลกและดาวดวงนั้น เกิดแรงผลักแรงต้านกัน ทำให้สนามแม่เหล็กและแรงดึงดูดเกิดปะทะกันเสียงดังสนั่นหวั่นไหว อย่างที่ไม่เคยมีเสียงใดดังมากและเกิดขึ้นมาก่อนในชีวิต



เสียงนั้นดังมากถึงขนาด ทำให้มนุษย์ทุกคนบนโลกเลือดออกจากหู แก้วหูแตก นอนเกลือกกลิ้ง กรีดร้อง หูหนวกอย่างฉับพลัน และไม่ได้ยินเสียงใดๆอีกเลย มันเป็นเสียงของมัจจุราชที่มาพิพากษาโลก คร่าชีวิตผู้คนโดยเฉพาะคนชั่ว คล้ายถูกประหารชีวิต จนตายอย่างทรมาน ส่วนคนดีที่มีศีลมีธรรม ก็จะมีอันรอดพ้นจากเงื้อมมือมัจจุราช คือผู้ที่ถูกเลือก จะได้รับการยกเว้นเอาไว้ โดยจะมีสิ่งศักดิ์สิทธิ์หรือเกิดปาฏิหาริย์ต่างๆทำให้แคล้วคลาดบ้าง หรือหลบภัยได้ทันท่วงทีบ้าง เพื่อให้มนุษย์ที่มีศีลธรรมเหล่านี้ได้มีชีวิตรอดเพื่อสร้างหรือกระทำความดีกันต่อไป


3) พลังงานจากสนามแม่เหล็กของดาวดวงนั้นสูงมาก ถึงขนาดทำให้โลกหยุดหมุนไป ๗ วัน คำกล่าววลีที่ว่า “อยากให้โลกหยุดหมุนนั้น กลายเป็นความจริงขึ้นมาทันที” ยากที่ใครๆจะเชื่อได้ (ประเทศไทยของเราตอนที่โลกหยุดหมุนอยู่ด้านมืดพอดี จึงทำให้มืดสนิทมองอะไรไม่เห็นตลอด ๗ วันเลยทีเดียว)   ดาวเทียมและสถานีอวกาศล่วงลงสู่พื้นโลก ประเทศเราท้องฟ้ามืดมิด๗วัน๗คืน อสูรกายออกอาละวาดเพราะประตูมิติต่างๆเปิด มันมากับความมืด ฟ้าแลบ ฟ้าร้อง ฟ้าผ่า เปรี้ยงปร้าง ดังระงมตลอดเวลา สิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆที่เราเคยใช้ เช่น ระบบอินเตอร์เน็ต ระบบนำวิถี ระบบอิเล็กทรอนิกส์ต่างๆและกระแสไฟฟ้า จะล่มและดับหมดใช้การไม่ได้ พื้นที่ตรงไหนถ้าที่มีแสงสว่างก็จะถูกฟ้าผ่าลงที่นั่นทันที  จะมีแสงสว่างไม่ได้

ไม่นานหลายพื้นที่บนโลกก็เกิดแผ่นดินไหว ความรุนแรงของแผ่นดินไหวอย่างน้อย ๑๐-๑๕ ริกเตอร์ ไหวอยู่นานหลายชั่วโมง ต่อมาภูเขาไฟระเบิดพร้อมกันหลายแห่ง เปลือกโลกเกิดการยุบตัวโดยเฉพาะประเทศอินเดียจมหายไปในพริบตา จนเกิดคลื่นยักษ์สึนามิ ถาโถมสูงประมาณ ๒๐๐-๓๐๐ เมตร กวาดต้อนผู้คนและตึกรามบ้านช่อง ยากที่มนุษย์จะเหลือรอด แต่ถ้ามนุษย์ยังมีชีวิตรอดอยู่ได้อีก ต่อมาอากาศจะเริ่มหนาวเย็นแล้วจะมีก้อนน้ำแข็งหรือลูกเห็บยักษ์ ทยอยตกลงมาจากท้องฟ้า อย่างต่อเนื่อง ทำให้อากาศหนาวเย็นและมีลมแรงมากลูกเห็บที่ตกลงมานั้น มีความเย็นจัดรวมทั้งมีเชื้อโรคปนเปื้อนมาด้วย ลูกเห็บก้อนใหญ่จะมีขนาดเท่ารถสิบล้อหรือตู้คอนเทรนเนอร์ ก้อนเล็กขนาดเท่ากับรถยนต์ ตู้เย็น ทีวี รูปร่างของมันจะมีหลายลักษณะจะไม่กลมเสียทีเดียว ประเทศไทยและประเทศในโซนเอเซียที่ตกอยู่ในความมืด ทำให้เรามองไม่เห็นลูกเห็บยักษ์ที่กำลังตก จึงเสียชีวิตอย่างไม่ทันรู้เนื้อรู้ตัวเพราะไม่รู้จะหลบยังไงเพราะมองไม่เห็น


ประเทศไทยเขื่อนทุกเขื่อนแตกหมด ภูเขาไฟต่างๆที่เคยหลับไหลกลับฟื้นคืนชีพ ปะทุขึ้นมาหลายแห่งลาวาไหลนองไปทั่วแผ่นดิน  กรุงเทพฯเมืองหลวงน้ำท่วมอย่างถาวร ถึงขนาดไม่มีที่แห้งให้ยืน ผู้คนทั่วทุกมุมโลก ต่างล้มหายตายจากเป็นจำนวนมาก หลายพันล้านคน แต่ละประเทศจะเหลือประชากรเพียงน้อยนิด ประเทศไทยของเราเหลือประชากร ถ้าเทียบเป็นเปอร์เซนต์กับประเทศอื่นจะเหลือมากที่สุดคือจะเหลือประมาณ ๑๒-๑๔ ล้านคนเป็นอย่างน้อย ผู้คนที่มีชีวิตรอดต่างกรีดร้อง เสียสติ คลุ้มคลั่งเป็นบ้า บ้างหูหนวก เป็นโรคผิวหนังขั้นรุนแรง (ผู้คนที่เป็นบ้าและเสียสติ จะมีประมาณ ๔ % ของประชากรโลกที่มีชีวิตเหลือรอด ที่เสียสติเป็นเพราะบุคคลเหล่านี้ไม่เคยฝึกฝนจิต ถือศีลปฏิบัติธรรม รู้จักการลดละเลิกกิเลส และการปล่อยวาง จึงทำให้มีอาการคลุ้มคลั่งเสียอกเสียใจที่พบกับความสูญเสียอย่างใหญ่หลวง ไม่ว่าจะเป็นการสูญเสียทรัพย์สมบัติ บ้านช่อง ครอบครัว ญาติพี่น้อง ฯลฯ)


เมื่อได้ฟังถึงเรื่องราวของมหาภัยพิบัติ ที่จะเกิดขึ้นในอนาคตแล้ว ท่านลองคิดดูซิว่ามันน่ากลัวขนาดไหน ฉะนั้นมนุษย์ในโลกเราปัจจุบันนี้ จะชิงดีชิงเด่น แย่งความเป็นใหญ่และเบียดเบียนทะเลาะวิวาทกันไปทำไม ในเมื่ออีกไม่กี่ปีก็จะตายกันเกือบหมดแล้ว เราควรสมัครสมานสามัคคีช่วยเหลือกันจะมิดีกว่าหรือ เมื่อถึงวันนั้นคนที่มีชีวิตรอดอยู่ได้เขาคงเป็นคนดีมีศีลมีธรรมจริงๆ ฉะนั้นเมื่อประชากรโลกเหลือน้อยและเหลือแต่คนดีมีศีลธรรม คงจะนำความสันติสุขมาสู่โลกอย่างแน่นอน

หลังจากเกิดเหตุการณ์โลกหยุดหมุน ครบ ๗วันแล้ว ท้องฟ้าก็จะเริ่มสว่างขึ้น โลกเริ่มเคลื่อนตัวหมุนต่อไปได้ แต่คราวนี้กลับหมุนกลับด้านหรือกลับขั้ว จึงทำให้สนามแม่เหล็กโลกกลับขั้ว ในอดีตขั้วแม่เหล็กโลกเคยสลับจากใต้เป็นเหนือ เหนือเป็นใต้มาแล้วหลายครั้ง ครั้งล่าสุดที่เกิดขึ้นคือเมื่อ ๗๘๐,๐๐๐ ปีก่อน จึงทำให้ฤดูกาลเปลี่ยนแปลงหมด เกิดอากาศวิปริต แปรปรวน   ขั้วโลกเหนือกลายเป็นขั้วโลกใต้ พระอาทิตย์ขึ้นทางทิศตะวันตกและตกทางทิศตะวันออก เมืองร้อนกลายเป็นเมืองหนาว เมืองหนาวกลายเป็นเมืองร้อน(ประเทศไทยกลายเป็นเมืองหนาว ถึงขนาดมีหิมะตก)


 ห้องนิรภัยรูปทรงสามเหลี่ยมปิรามิดกลับหัวกลับหาง

พระอาจารย์ชา ได้แนะนำวิธีรับมือกับมหาภัยพิบัติ ครั้งนี้ว่า

๑.สำรวจหาสถานที่ ที่คิดว่าปลอดภัยที่สุด เช่นปลอดภัยจากรอยเลื่อนแผ่นดินไหว ปลอดภัยจากคลื่นยักษ์แล้วให้ออกแบบสร้างห้องนิรภัย(ตามภาพ)ออกแบบให้มีอากาศหายใจและป้องกันความหนาวเย็นได้ สร้างหลายแห่งหลายที่ยิ่งดี มีขนาดใหญ่หรือเล็กแล้วแต่ความต้องการของแต่ละบุคคล โดยที่ผนังต้องเสริมเหล็กกันกระแทกทุกด้าน แล้วขุดหลุมให้ลึกเพื่อให้ห้องนิรภัยฝังลงไปใต้ดิน โผล่เพียงยอดแหลมทรงปิรามิด ให้ใช้เหล็กที่มีขนาดใหญ่เพื่อความแข็งแกร่งเพื่อป้องกันแผ่นดินไหว คลื่นสึนามิและลูกเห็บยักษ์ตกใส่

๒.เตรียมหูฟังและเครื่องป้องกันหูไว้ให้พร้อมขณะอยู่ภายในห้องนิรภัย เพื่อใส่ป้องกันคลื่นเสียง  ที่ดังถึง ๑,๐๐๐ -๑,๒๐๐เดซิเบล (อย่างน้อยหูฟังต้องเป็นแบบชนิดเก็บเสียงอย่างดีแบบชนิดที่ใส่ในสนามยิงปืน)
๓.เตรียมน้ำดื่ม,อาหาร,ยารักษาโรค,ชุดป้องกันเชื้อโรค,ชุดกันหนาว และเครื่องยังชีพที่สามารถใช้ชีวิตอยู่ภายในห้องนิรภัยได้นานถึง ๑ เดือน ของแต่ละคน

๔.เตรียมนาฬิกาแบบไขลานหรือออโตเมติกเพื่อไว้ดูเวลาว่าโลกหยุดหมุนไปกี่วันแล้ว พร้อมกับสิ่งที่ทำให้มีแสงสว่างเช่น แท่งเรืองแสง

๕.ให้ทุกคนนั่งภาวนาสวดมนต์กันภายในห้องนิรภัย ตลอด ๗ วัน ห้ามออกข้างนอกอย่างเด็ดขาด(สวดคาถาป้องกันภัยพิบัติของพระอาจารย์ชา ว่าดังนี้ อิตะติราทัน มันกะโลอังคะ สิลากะละสา สา สะ สะ ติ โห ตะ ติ โห กะหะคะเน )เพื่อไม่ให้อสูรกายที่มาจากต่างมิติ มารังควานและทำร้ายเอาได้  เพราะมันมากับความมืด
๖.เตรียมรถที่สามารถใช้เป็นเรือได้ด้วย พร้อมเชื้อเพลิงให้พร้อม (ใช้ตอนออกมาจากห้องนิรภัยแล้ว เพื่อสำหรับเดินทาง)



***** ก่อนอื่นให้สังเกตว่า  **** 

ก่อนจะเกิดมหาภัยพิบัติ จะมีฝนตกหนัก ๕-๗วัน ติดต่อกันเป็นอย่างน้อย ทุกพื้นที่ ถ้าเกิดเหตุการณ์เช่นนี้แล้วละก้อ ให้พวกเรารีบเข้าสู่ห้องนิรภัยที่ได้สร้างเตรียมเอาไว้ เพื่อหลบภัยโดยทันที

ถ้าทุกประเทศทั่วโลก เชื่อในคำเตือนของพระอาจารย์ชา ญาณ์ธนโชติ และได้เตรียมการแล้วกระทำตามในวิธีที่ท่านแนะนำทั้ง ๖ ข้อ ดังกล่าวแล้ว ก็จะทำให้มนุษย์โลก มีสิทธิ์ที่จะมีชีวิตรอดต่อไปได้อีกเป็นจำนวนมาก

เขียนโดย SPW Entertainment ที่ 07:07

(ชี้แจง) เรื่องคำทำนายภัยพิบัติโลกต่างๆ ที่มีในบล็อก  ปกติผมนายปรีดี ยืนยง  (ผู้ลอกเรื่องราว มาเก็บไว้)ไม่ได้เชื่อเรื่องคำทำนายภัยพิบัติโลก   แต่ชอบเก็บคำทำนายต่างๆเอาไว้เป็นหลักฐาน   เพื่อความเพลิดเพลิน   เพื่อพิจรณาความคิดความเชื่อ   และเหตุผลของผู้ทำนาย และคนทั่วไปที่ชอบ

แต่ชอบข้อดีของผู้ที่ชอบทำนาย   ที่มักจะไปในทางเดียวกันคือ จะบอกให้ผู้คนอยู่ในศีลในธรรม และอยู่กับธรรมชาติ รักธรรมชาติ อย่าทำลายธรรมชาติ  ซึ่งถือเป็นเรื่องที่ดี

ไม่มีความคิดเห็น: