ทักษิณา

ทักษา  พระศิว สร้างเทวดามา ๘ องค์ เทวดาสร้างโลกยาววาหนาคืบกว้างศอก โดยการทำทักษิณา (ทักษิณาวรรต)  ไปตามลำดับ  แก่รอบหลายรอบเข้าก็จะเจริญขึ้นๆ    แต่หากท่านเลือกเดินวนซ้าย  ก็เดินผิดทาง คือการเดินไปให้ถูกกิน ชะตาชีวิตของท่านก็จะถอยลงๆจบเห่..ไม่เจริญหรือตาย

ทักษิณาวรรต   แปลว่าหมุนวนขวา พอหมุนก็เป็นวง ก็เป็นเรื่องดวง เป็นเรื่องชอบของข้าพเจ้า ดูมนุษย์หมุนไปๆ เพลินใจเพลินตาดีฯ

โดยปกติคนที่เกิดมา รูปร่างหน้าตาดี สุขภาพดี สมองดี ใจดี ก็มีชัยไปกว่าครึ่งแล้ว โดยไม่ต้องดูดวงให้เสียเวลา   หากคบเพื่อนดี มีความขยัน และมีโชค ก็ยิ่งเจริญรุ่งเรืองทวีคูณ 


คติเรื่องโลกธาตุ
ธาตุ ๔ กองนาม คือ ดิน น้ำ ลม ไฟ// กองเวลา คือไฟ ดิน ลม น้ำ  ประชุมกันเป็นโลกธาตุคือ มนุษย์ อินทร์ พรม ยม ยักษ์ อสูร เปรต เดรัจฉาน พืชฯลฯ

ไฟกินดิน ดินกินลม ลมกินน้ำ น้ำกินไฟ วนไปๆ หากไม่มีธาตุใดพร่อง ท่านก็จะมีอายุยืนเป็นอมต คือไม่ตาย  จะผ่านไปกี่ล้านปี  กี่มหากัปป์ก็ตาม  อมตนิรันดร

แต่ความจริงไม่เป็นเช่นนั้น เพราะธาตุจะเสียหรือเสื่อมตามรอบที่หมุนไป  เสียหรือเสื่อมไป ๑ ธาตุวงจรก็มีปัญหาทันที   ธาตุพร่องหรือเกินก็ป่วย ขาดก็ตายที่ว่ามาจะผิดจะถูกท่านก็คิดดูเอาเอง    หลวมตัวมาอ่านเองนิครับ 


พระเคราะห์หรือเทวดาวันเกิดมาจากไหนเมื่อไหร่ รื่องวันทั้ง 7 วัน ตามเรื่องราวที่บันทึก มีมาตั้งแต่ยุคสุเมเรีย ยุคบาบิโลนเมื่อประมาน 2350 ก่อน คริสตศักราช นับถึงวันนี้ก็ 4,000 กว่าปี สรุปคือมนุษย์เป็นผู้กำหนด โดยถือเอาดาวเคราะห์ในสุริยจักรวาลเป็นเกณท์ ผ่านการวิเคราะห์ยาวนาน คงได้จุดที่ลงตัวและเหมาะสมที่สุดแล้ว
ในเคสของข้าพเจ้า  ในวิชาทักษาจะยึดหลักทั้ง ๓ ร่วมกันดังนี้
1.ถือว่าทุกคนเกิดวันอาทิตย์  นับวนไปๆ อาทิตย์เป็นประธาน  เป็นบริวาร
2.เอาตามลักษณะนรลักษณ์แต่ละบุคคลล นับวนไปๆ อารมย์ใครแบบไหนหนักทางไหนมากสุด ก็เอาแบบนั้นเป็นประธาน   คนกล้าแกร่ง ขยันขันแข็งทั้งปีทั้งชาติ ก็ถือว่าเป็นพระอังคาร
3.ถือตามคติโลก นับจากวันเกิดจริง  เป็นประธาน วนไปๆ

เรื่องพระเคราะห์เสวยอารมย์ วนขวาตามหลักทักษา คือ..บริวาร อายุ เดช ศรี มูล อุตสาห มนตรี กาลกิณี ครบรอบที่ ๑ ก็ไปขึ้นรอบต่อไปเรื่อยๆ วนๆ

เกิดวันอาทิตย์ ..จริง หรือสมมุติว่าทุกคนเกิดวันอาทิตย์
วนขวา อาทิตย์ ๑ จันทร์ ๒ (ไฟกินดิน)  จันทร์ ๒อังคาร ๓ (ดินกินลม)  อังคาร ๓พุธ๔ (ลมกินน้ำ) พุธ ๔เสาร์ ๗ (น้ำกินไฟ) เสาร์ ๗พฤหัสฯ ๕ (ไฟกินดิน) พฤหัสฯ ๕ ราหู ๘ (ดินกินลม) ราหู๘ ศุกร์ ๖ (ลมกินน้ำ)...ครบคู่ธาตุ  ตามลำดับวงจรอมตะเทวธาตุ

วนช้าย อาทิตย์ ๑ ไป ศุกร์๖ (ไฟโดนน้ำกิน ) ก็จบ ก็หมดอย่างช้าก็ค่อยๆเล็กลงถอยลง  พระอาทิตย์บริวารวนมาทางพระศุกร์ กาลกิณี  คือธาตุไฟวนมาทางธาตุน้ำ  ธาตุน้ำกินไฟ ไฟดับก็จบไปไม่รอด.....

เอาตามเหตุผลดู คือเมื่อเกิดมามีตัวตนนับ ๑ เป็นบริวาร ก็รักเกียรติ์หยิ่งทนง องอาจ อวดบารมี... วนผิดวนซ้ายตัวที่ ๑ แล้วตัวที่ ๘ ไปที่กาลกิณีตัวสุดท้าย   ความหมายคือไม่ทันได้ทำอะไร ก็โชว์ความหรูหรา  แต่งตัวแต่งหน้าอวดสวย  อวดราย ทิ้งเกียรติ์ยศ ตามลักษณะพระศุกร    ทรัพย์สินมากมายที่มาอวดก็เป็นของคนอื่น   ก็จะรักษาไว้ไม่ได้   เพราะยังไม่ทันเข้าใจอะไร ไม่รู้อะไร ไม่มีวิชาอะไร  ใช้ทรัพย์ผู้อื่น ผิดขั้นตอน  หนทางเจริญจะไม่มี


ตย.วนซ้ายอีกคู่ 
วัน เสาร์ วนซ้าย เสาร์พุธ (ไฟโดนน้ำกิน)   เสาร์รวบรวมข้อมูลและทรัพย์สินทั้งหมดครบเป็นก้อนเรียบร้อยแล้ว  ส่งกลับ วิศวกร พนักงานบัญชี คนพรีเซ้นท์ ให้เอาไปทำต่อ มันก็จบ  เพราะผิดทาง ไปไม่ได้ ต้องวนขวา ส่งให้พระพฤหัสฯ หัวหน้า ครู ผู้ปกครอง ตรวจดู แล้วอนุมัติงบประมาณ  ลงทุนผลิต ขาย แปรธาตุ เปลี่ยนธาตุที่พระราหู จึงจะไปต่อได้

วนขวา....อาทิตย์  บริวาร คือผู้ที่มีเกียรติ์ หยิ่ง แอคทีฟ วนขวา จันทร์เป็นอายุ ทำตัวให้น่ารัก  เพิ่มจริตนิ๊ดๆพองาม คอนเน็คชั่น มีปฏกิริยาสานสำพันธ์กับชาวบ้านชุมชนได้ดี.. นี่คือการเริ่มเดินไปทางเจริญของผู้เกิดวันอาทิตย์ หรือชัวร์ๆคือผู้มี นรลักษณ์แบบพระอาทิตย์ ต้องนับ ๒ที่พระจันทร์นับ๓ ที่พระอังคาร.. ตามลำดับ

วนซ้าย อาทิตย์ บริวาร..ศุกร กาลกิณี  ศุกร์ คือจริต ความสวยงามงามเริดเรอ  หรูหรา ราคจริต ฯ จบเลย ตายไปไม่รอด  ศุกรต้องเป็นองค์สุดท้าย อของคนเกิดวันอาทิตย์   หรือผู้มีลักษณะ นรลักษณ์ของพระอาทิตย์

เกิดวันอื่นหรือมีลักษณะนรลักษณ์อื่นก็เช่นกันครับ  วนให้ถูก  วน ตามลำดับเจริญทุกราย วนผิดไปไม่รอดแน่นอน  ฟันธง

ไม่มีความคิดเห็น: