พุทธศาสนา บัญญัติเรื่องการสร้างบารมีไว้ 10 ประการ หรือทศบารมี เป็นสิ่งจำเป็นที่ผู้นำสูงสุดต้องพึงปฏิบัติเพื่อที่จะบรรลุคุณธรรมชั้นสูง เมื่อบำเพ็ญถึงชั้นสูงสุด ทางโลกจะได้เป็นพระมหาจักรพรรดิ์ ทางธรรมก็จะบรรลุขั้นพระพุทธเจ้า หรือแม้แต่การเป็นผู้นำองค์กรใดๆก็พึงปฏิบัติเช่นกัน เพื่อเพื่อนำพาองค์กรให้ พัตนาให้รุ่งเรือง สูงสุด พิชิตและทำลายปัญหาทุกประการ อันเป็นขวากหนามที่คอยขัดขวางการนำพาองค์กรให้บรรลุถึงที่หมาย เพราะปกติธรรมดาของสังคมเมื่อเล็กปัญหาก็เล็ก เมื่อโตปัญหาก็โตตามมา ยิ่งเด่นก็ยิ่งมีคนอยากโค่น คนยิ่งมากยิ่งมากเรื่อง ทั้งจากเรื่องภายใน จากคู่แข่งขันภายนอก ที่หาโอกาศโจมตี สารพัดปัญหาที่จะค่อยๆตามมา การสร้างบารมี จึงเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับบุคคลที่ด้องเป็นผู้นำในทุกระดับ มีทานบารมี, ศีลบารมี, เนกขัมมบารมี, ปัญญาบารมี, วิริยะบารมี, ขันติบารมี, สัจจบารมี, อธิษฐานบารมี, เมตตาบารมี, อุเบกขาบารมี โดยรายละเอียดท่านก็หาอ่านได้ง่ายๆตามหนังสือหรือเวปไซด์ทั่วไป ทำไมต้องบำเพ็ญบารมี จำเป็นหรือไม่ หากถามผม ผมก็จะตอบว่าจำเป็นอย่างยิ่งครับ เพราะหากเราไม่บำเพ็ญบารมี เราก็จะไม่สามารถกระทำการงานใดๆให้สำเร็จลุล่วงได้ หรือแม้แต่การใช้ชีวิตให้เป็นปกติสุขก็มิอาจทำได้ เพราะสภาพความเป็นจริงของชีวิตจักมีมารอยู่มากมาย (มาร ตามหลักพุทธศาสนา แปลว่าผู้ขวางความสุข ขวางการบรรลุ) การบำเพ็ญบารมีเป็นการปฏิบัติ เพื่อพัตนาตนเอง ทั้งทางกาย และจิตวิญญานไปพร้อมกัน จะใช้เพียงร่างกายและ สมอง อย่างเดียวไม่ได้
หากถามว่า : การบำเพ็ญบารมีจะบำเพ็ญเพียงบารมีหนึ่งบารมีใดได้หรือไม่ ตอบว่าได้ ก็ยังดีหากไม่ใช่ผู้ยิ่งใหญ่หรือร่ำรวยมากมาย แต่หากยิ่งใหญ่หรือร่ำรวยยิ่งมากเท่าไหร่ยิ่งต้องสร้างบารมีให้ครบถ้วนมิเช่นนั้นจะเกิดปัญหาขึ้นมากมาย เคยเห็นมากับตามิใช่นิทานชาดก คนรวยระดับมหาเศรษฐี หรือคนเก่งหรือผู้ใหญ่บางรายที่วิถีชีวิตจะต้องเจ็บปวดและขมขื่นจนตาย บางทียิ่งใหญ่มากเกินไปก็อาจกลายเป็นทรราชย์ได้้เหมือนกัน ผมไม่อยากจะเอ่ยชื่อท่านเหล่านั้น ซึ่งท่านสามารถหามาอ่านเพื่อพิจณาดูได้ไม่ยาก ว่าเขาลืมสร้างบารมีใดไปบ้าง
การเรียนหนังสือ การไปโรงเรียน ปัญหาจากครู จากเพื่อน จากเวลาเดินทาง จากการเจ็บป่วย การเรียนการสอบฯ หรือแม้แต่เด็กเกเรนักเลงหัวไม้ ติดเกมส์ การเป็นลูกน้อง ลูกจ้าง การดื่ม การเที่ยว ฯลฯ ล้วนเป็นประสบการณ์ ชีวิตที่มีค่ายิ่งทั้งนั้น หากเมื่อถึงเวลาหนึ่งที่เราสามารถหยุด พิจรณา ทบทวน ตรึกตรอง ฯ สิงเหล่านี้ก็เป็นส่วนเสริมให้เรานำมาเป็นฐานในการสร้างบารมีได้ ทั้งสิ้น ยกตัวอย่างคนที่ไม่เคยเป็นลูกน้อง ไม่เคยเป็นลูกจ้างใคร วันหนึ่งเมื่อได้เป็นเจ้านาย เป็นเจ้าของกิจการ เจอลูกน้องที่ประหลาดๆ นิสัยแย่ๆ ก็อาจเกิดจุดบอดต่อการเข้าใจได้เช่นกัน อาจทำการใดๆให้กระทบขวัญและกำลังใจต่อคนอื่นหรืออาจสร้างศัตรูขึ้นมาโดยไม่ สมควร ไม่เหมือน คนที่เคยเป็นลูกจ้าง ที่เคยเกเร เคยขี้เมามาก่อน คนพวกนี้เมื่อถึงวันที่มีสติ ระลึกได้ จะเข้าใจคนชั้นล่าง คนที่มีปัญหาได้ดีกว่าคนที่ไม่เคยมีประสบการณ์ ๆ คือสิ่งที่ตัวอักษรบอกให้เข้าใจไม่ได้
มีผู้บริหารฝ่ายบุคคลองค์กรใหญ่ๆ บางคนเล่าให้ผมฟังว่าเคยผิดพลาดในการเลือกใช้คน รับสมัครงานเลือกคนเรียนเก่งเกียรติ์นิยมอันดับ ๑ อันดับ ๒ มาร่วมงานด้วย บางคนก็ทำเสียงาน เพราะว่าเรียนเก่งก็จริง แต่ก็เก่งแต่เรียนทำไรไม่ได้มากกว่านั้น บางคนปรับตัวเข้ากับเพื่อนร่วมงานไม่ได้เลย สมัยนี้คนเรียนเก่งมากๆจึงไม่ใช่สิ่งจำเป็นของฝ่ายบุคคลที่องค์กรต้องการ เพราการเรียนเก่ง หลายคนเก่งเพราะมีโอกาสและทรัพยาการในการเรียนพร้อม แต่คนเก่งจริงไม่น้อยที่ไม่เก่ง เพราะเขาเป็นเพียงผู้ขาดโอกาส ขาดอุปกรณ์ หรืออาจมัวสนุกสนานเพลิดเพลินโดยที่ยังไม่ได้เริ่มเรียนจริงๆเลยก็เป็นได้ พึงตระหนักไว้ด้วย
เพราะฉะนั้น การเป็นผู้นำ การเป็นเจ้าของกิจการทั้งหลาย ไม่ใช่จะได้มาและรักษาไว้ได้ง่ายๆ ต้องผ่านการฝึกฝนและเพาะบ่มมากมาย จนกลายเป็นบารมีอันแก่กล้า มีตัวอย่างให้เห็นมากมายสำหรับข่าวสารในสมัยนี้ บางท่านอาจเรียนสูง แต่หลายท่านก็แทบไม่ได้ผ่านการเรียนหนังสือจากสถาบันใดเลย แต่เก่งแกร่ง และรู้จัดการได้รอบด้าน ซึ่งมีตัวอย่างให้เห็นมากมายทั่วโลก ท่านเหล่านี้มีเหมือนกันทุกคน คือการบำเพ็ญบารมีอย่างยิ่งยวด เป็นเรื่องสำคัญที่ทุกผู้นำต้องทำ


ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น