เรื่องวรรณ

sonteen  theory 13
ทฤษฎีส้นตีน เป็นเรื่องที่เขียนขึ้นมาเล่นๆตามความคิดเห็นส่วนตัว  เหมาะสำหรับคนบ้าเท่านั้น  คนดีๆไม่ควรอ่าน  หากอ่านไปแล้วรู้สึกขัดใจ ก็ไม่ควรคอมเม้นท์ใดๆจะได้ไม่ผิดใจกันครับ

วรรณโดยพระเจ้า เป็นวรรณที่แท้จริงถูกแบ่งโดยพระพรหม ถือเอาอารมย์ความปรารถาทางจิต   หรือจะเรียกว่าดวงจิตเสวยอารมย์เป็นสิ่งที่แบ่งวรรณของมนุษย์  อาจจะหมายรวมไปถึงลักษณะนรลักษณ์ด้วย  และไม่สามารถเปลี่ยนแปลงเป็นวรรณอื่นได้  เพราะดวงจิตไม่รับไม่ยินดี   ความปราถนาในวรรณเดียวกันก็มีหลายระดับชั้น  หลาย Level  อารมย์จิตถูกกำหนดมาตั้งแต่ลักษณะธาตุ ดวงดาว และจักรราศี หรืออื่นๆอีก

วรรณโดยมนุษย์ วรรณถูกสร้างขึ้น  เพื่อเป็นเครื่องมือสำคัญอย่างหนึ่งที่ใช้ควบคุมสังคม เพื่อรักษาอำนาจตนเองไว้ให้นานที่สุด เป้าหมายเพื่อให้ง่ายต่อการปกครอง ควบคุม ใช้งานฯ ไม่ว่ากาลไหน ยุคสมัยไหน  หรือจะพูดอีกอย่างคือ  วรรณถูกสร้างขึ้นมาเพื่อผลประโยชน์ทางการเมืองก็ไม่น่าจะผิด


วรรณตามที่ศาสนาหินทูแบ่งไว้ พอสังเขป
๑. วรรณะพราหมณ์  ถือเป็นวรรณะสูงสุด เกิดมาจากพระโอฐของพรหม ทำหน้าที่นักบวช ศึกษาและสืบทอดคัมภีร์พระเวท เป็นสื่อกลางระหว่างมนุษย์กับพระเจ้าโดยการประกอบพิธีกรรมให้กับบุคคลทุก วรรณะ
๒. วรรณะกษัตริย์เกิดจากพระพาหาของพรหม ทำหน้าที่นักรบ นักปกครอง
๓. วรรณะ แพทย์หรือ ไวศยะ เกิดจาก พระโสณีของพระเจ้า ทำหน้าที่เป็นพ่อค้า เกษตรกรรม และหัตถศิลป์
๔. วรรณะศูทร เกิดจากพระบาทของพรหม ทำหน้าที่เป็นกรรมการใช้ร่างกายแบกหาม เป็นพนักงานระดับปฏิบัติการทั่วไป

วรรณในทัศนคติของข้าพเจ้า
วรรณพราหมณ์เป็นธาตุน้ำ มีหลายระดับชั้น เป็นผู้ชอบเรียนรู้ ชอบติดต่อสื่อสาร จนถึงชั้นนักบวช ผู้สละกิเลสผู้ใฝ่รู้แสวงหาสัจธรรม  จะนับถือศาสนาใดก็ได้  ถือเอาตามคุณลักษณะของอารมย์จิตนั้น  จะให้ไปเรียน ไปฝึกฝนในทางสายวรรณอื่นนั้น ไม่มีอารมย์ปรารถนา ไม่ยอมตกอยู่ใต้อำนาจฝ่ายต่ำคือ โลภ โกรธ หลง

วรรณกษัตริย์เป็นธาตุไฟ  มีหลายระดับชั้น  เป็นนักปกครอง  เป็นผู้ชอบรับผิดชอบ  เสียสละ ดูแลสังคม ไม่เห็นแก่ความเหน็ดเหนื่อย เป็นนักสู้ นักรบ มีความเที่ยงธรรม รวมไปถึงข้าราชการทั่วไป

วรรณแพทย์หรือไวศยะเป็นธาตุลม พวกพ่อค้าวานิช  ผู้ชอบเล่นแร่แปรธาตุ แลกเปลี่ยนสิ่งของ ปรับปรุงเปลี่ยนแปรโลก มีความปราถนาที่จะสร้างสรรผลงาน  สร้างและผลิตอะไรขึ้นมาให้มากๆ  เป็นผู้หมุนโลก ฉุดโลก ปรุงแต่งโลกให้มากเรื่องราว
วรรณศูรทเป็นธาตุดิน เป็นชนชั้นผู้ปฏิบัติงานทั่วไป ตั้งแต่ผู้ใช้แรงงาน ถึงระดับพนักงานบริษัท ฯลฯ มีความปรารถนาเพียงแค่มีกิน มีใช้ มีความอบอุ่น มีความปลอดภัย

ปัจจุบันยุคการค้า ยุคพ่อปกครองลูก (พ่อค้า.. ลูกค้า)  วรรณแพททย์ หรือไวศยะ ด้านการค้าขาย มีอำนาจสูงสุด มีวรรณพราหมณ์ เป็นที่ปรึกษา มีเงิน มีองค์ความรู้เต็ม วรรณนักปกครอง ได้แต่มองตาปริบๆ  พวกเขาสามารถทำให้วรรณอื่นๆ  เป็นได้แค่ลูกจ้าง เป็นพนักงานบริษัทฯ เป็นลูกค้าที่ต้องใช้บริการ  พ่อค้าใหญ่ระดับนายทุนข้ามชาติ จึงยึดครองโลกได้ทั้งหมด  ถือว่าอสูรเป็นใหญ่เนรมิตสิ่งของมาตอบสนองความหลงใหล ให้ได้ซื้อหามาใช้

ศาสนาทุกศาสนานั้นเป็นสิ่งที่ประเสริฐ   แต่ศาสนามักจะถูกนำไปใช้กับพิชัยสงครามตั้งแต่สร้างโลกเช่นกัน เพราะศาสนาไม่ว่าจะดี หรือประเสริฐยังไง  ก็เป็นไปไม่ได้ที่จะทำให้คนส่วนใหญ่บรรลุธรรม  ยังมีคนไม่น้อยที่เครียดและแบกหามศาสนาประดุจดังของหนัก  ทั้งที่ศาสนาเป็นเป็นสิ่งไม่มีน้ำหนัก

ผู้ที่บรรลุธรรมแล้ว ย่อมอยู่สูงกว่าดาวดึงส์  เบาสบาย จะถือศาสนาใดก็ได้ ไม่แบ่งเขาแบ่งเรา รักเคารพและนับถือในศาสนาอื่นเช่นกัน  ไม่ลงมาแย่งชิงโลกทรัพย์อันเป็นของต่ำอันเป็นของที่สร้างขึ้นมาเพื่อการแย่งชิงเพื่อให้เกิดเป็นละคร  ให้เป็นดินเป็นปุ๋ยของละครชีวิต

ส่วนผู้ยังไม่บรรลุธรรม นั้นยังแบ่งเขาแบ่งเรายังอยู่ในระดับต่ำ รักแต่ฝ่ายตนเอง เห็นอีกฝ่ายไม่ถูกต้อง ต่ำกว่า
อาจถึงมองเป็นศัตรูที่ต้องกำจัด หรือทำไม่ให้โต

ส่วนอริยทรัพย์นั้นโจรไม่เอา  ปุถุชนไม่เอา ให้ก็ไม่รับ เขียนไว้ก็ไม่อ่าน พูดก็ไม่ฟัง  ไปเซ้าซี้มากๆก็จะถูกตอกกลับว่าบ้า ไร้สาระ ปัญญาอ่อน

พราหมณ์ ก็ใช่ว่าจะมีอยู่แต่อินเดีย หรือมีอยู่แต่ในศาสนาหินทูเท่านั้น  พระพุทธเจ้า ก็ไม่ได้เจาะจงว่ามีแต่ที่อินเดียเท่านั้น  ในสมัยภัทรกัปป์ก็อุบัติที่สุวรรณภูมิถึง 3 พระองค์  ยังมีบันทึกไว้มากมายตามวัดวาอารามในดินสุวรรณภูมิ


วรรณพราห์ม คือธาตุน้ำบริสุทธิ์  สามารถต่อได้ทั้ง 3 โลก  พราหมณ์ต้องเรียนรู้พระเวท ต้องอยากรู้สิ่งที่สูงส่งคือพระเจ้า จะรู้ได้ต้องขัดใจให้บริสุทธิ์  มิฉะนั้น โลกทั้ง 3 จะถูกปิดด้วยเมฆหมอกกิเลสตัณหา  ไม่สามารถฝ่าวงล้อมเข้าไปได้

บุคคลอันเกิดมาเป็นธาตุน้ำทั่วไป เป็นผู้อยากรู้ อยากเห็น หรืออาจเป็นผู้หวั่นไหว ตื่นกลัว  ระแวงได้ง่ายระดับปุถุชนทั่วไป ก็แสวงหาความรู้และอารมย์โลกีย์ คือ รูป รส กลิ่น เสียง สำผัส อันงดงาม หรือแปลกใจน่าหลงใหล   เมื่อพัตนาตนให้สูงขึ้นก็จะแสวงหาอารมย์และความรู้อันประณีต อยากเข้าใจสัจจะ อยากรู้ความจริง


กลับไป ทฤษฏีส้นตีนตอนที่ 1

ไม่มีความคิดเห็น: