จักรราศี 2

จักรราศีตอนที่ 2
sonteen theory ทฤษฎีส้นตีน 12 
ชีวิตไม่ใช่เรื่องยากหากรู้จักจักรราศี แต่การรู้จักจักรราศีอย่างแท้จริงเป็นเรื่องยาก

ทฤษฎีส้นตีน เป็นเรื่องที่เขียนขึ้นมาเล่นๆตามความคิดเห็นส่วนตัว  เหมาะสำหรับคนบ้าเท่านั้น  คนดีๆไม่ควรอ่าน  หากอ่านไปแล้วก็ไม่ควรคอมเม้นท์ใดๆ จะได้ไม่ผิดใจกันครับ
หลักพื้นฐานของจักรราศี 2 ส่วน คร่าวๆ คือ
1.ระบบพลังงาน  ความร้อน:แสงสว่าง จากตะวันออกในยามกลางวัน ความเย็น:ความมืดจากตะวันตกในยามกลางคืน
2 ระบบธาตุๆ ที่เป็นพวกมวลสารต่างๆ จากดวงดาวทั้ง 8 และจากราศีเอง เช่นของเหลวของแข็ง ก๊าซ วิญญานธาตุ ที่หมุนเวียนปรุงแต่งเข้าออก แปรเปลี่ยน  นำมาสร้างซ่อมตัวเอง องค์กร  สารที่ต้องทิ้ง ต้องขาย ต้องแลกเปลี่ยน ต้องสร้างเพิ่ม
หมุนเวียนแลกเปลี่ยนกันไปในจักรราศีทั้ง 12

สัญลักษณ์ตัวเลขแทนพระเคราะห์หรือเทวทั้ง ๘ 
พระอาทิตย์   พระจันทร์  พระอังคาร   พระพุธ   พระพฤหัสบ่ดี   พระศุกร์  พระเสาร์ พระราหู 
ดวงดาวมีกฏเกณท์ที่แน่นอน  เดินทางอยูในบ่วงของตัวเองเท่านั้นออกนอกเส้นทางไม่ได้โดยเด็ดขาด  หมุนรอบตัวเองเป็นวงกลม ลักษณะการทำงานคล้าย citcular value หรือ Rotary Thermal value   เปิดปิดรับส่งพลังงานและธาตุ ตามเวลา และองศา ดวงดาวในชั้นจุลจักรวาลหมุนรอบจักรราศีเร็วกว่านาโนวินาที  แต่ไม่เอามาคิดในชั้นมนุษย์

ราศีทั้ง ๑๒ ของแต่ละสถานที่นั้น   แบ่งได้หลายชั้นตั้งแต่ร่างกาย ครัวเรือน หมู่บ้าน เมือง ประเทศ ฯ แต่ละราศีก็จะสำพันธ์กับราศีฝานอกของโลกที่มีดวงดาวโคจรตรงเส้นขอบฟ้า  มีทิศทางและความร้อน  ความเย็น   ความกด ความแห้ง  ความชื้นไม่พร้อมกัน ถือเป็นสวนเกษตรมหัศจรรย์

พิจรณาเรื่องชะตาชีวิต หรือดวงคร่าวๆจากจักรราศี 2 ฝาดังนี้

1.วางลัคน์ จากเวลาตกฟากเพื่อหาดวงตัวเอง หรือฝาใน ว่าราศีใดแข็งอ่อน และเป็นอะไร ระดับไหน อาชีพอะไร มองเห็นจากลัคนา ราศี ดาวเดี่ยว ดาวคู่ ดาวผสม  แปลภาษาโหรออกมาเป็นภาษาคน 


2.ดูดวงดาวในจักรราศีที่ฝานอก  ในขณะเกิดโดยไม่ต้องสนใจลัคนาว่า ดีเด่นขนาดไหน    เพราะตัวเจ้าชะตาเปรียบเหมือนต้นไม้หรือสัตว์ตัวหนึ่ง  ที่จะออกมาเจอดิน เจอปุ๋ย เจอสภาวอากาศสิ่งแวดล้อมภายนอกที่เวลาช่วงไหน ตามภาพดวงดาวที่ประทับไว้นั้น   ดีไม่ดี มีปีนักษัตริย์ ราศีเดือน ราศีวัน ดวงดาวจักรราศีเป็นตัวบอก  โดยรวมเรื่องมนุษย์ทั้งหมดเอาไว้ตามลำดับแบบคร่าวๆ ดังนี้

ภพต้นธาตุ หรือเรือนชะตาต้นธาตุ คิดตามราศีโลก  ราศีเกิดจริงเฉพาะบุคคล ก็เจาะเข้าไปลึกอีกชั้น
๑.๑ ตนุภพ พระ ๓ เป็นเกษตรราศีไฟต้นธาตุชื่อภูมิดนัย  แปลว่าผุุดขึ้นมาจากดิน คือการแรกเกิดออกมา มีตนเอง กูเอง อัตตา ร่างกาย จิตใจ ความคิด อารมย์ ความปรารถนา ฯ ใช้แรงดันสูง ในการออกตัว เข้าเกียร์ ๑ ของรถยนต์ชีวิต พระอังคารเป็นเจ้า

๑.๒.กดุมพภพ พระ ๖ เป็นเกษตรราศีดินต้นธาตุ ธาตุดินเริ่มต้น ของกู แม่กูพ่อกู โมบายกู ขวดนมกู  ทรัพย์ เดิม ๆและหามาใหม่ เก็บไว้ เข้าคลัง ทรัพย์เป็นของที่ต้องหลง ต้องชอบต้องรักต้องหวง พระศุกร์คุม

๑.๓.สหัชชะภพ พระ ๔ เป็นเกษตรราศีลมต้นธาตุ  เริ่มร้องให้เรียกความสนใจ  กระทืบเท้าดิ้น การติดต่อ พูดออกไป การเริ่มเคลื่อนไหว  ส่งออกไป เดินออกไป บรรทุกไป ขนไป ให้พระพุธเทวทูตของพระเจ้าคุม

๑.๔ พันธุภพ พระ ๒ เป็นเกษตรราศีน้ำต้นธาตุ  ปะติดปะต่อเชื่อมโยง คน สิงของ ใกล้ๆเป็นเครื่อข่ายครอบครัว เล็กๆของเด็กน้อย ออกไป พี่น้อง สังคมรอบตัว เป็นการต่อเซลต่างๆในรอบที่ 1 พันธุกรรม ให้มารดาแห่งโลก ผู้แสวงหาอาหารธาตุ  ผู้เขื่อมต่อเป็นเจ้าเราศี เป็นผู้ควบคุมดูแล

เบื้องต้น ๔ ราศี  คือ ๑ คาบเวลาจริง  เป็นเวลาแบบธาตุ ไม่ใช่เวลานาฬิกา    คือไฟดินลมน้ำต้นธาตุ วนไปครบ 4 ธาตุได้เป็น ๑ คาบ เป็นพื้นฐานชีวิตระดับครอบครัว  เป็นเบื้องต้นต้นน้ำภพพันธุ จะต่อไปกลางธาตุคือ ไฟปุตตภพระดับเริ่มใหม่ช่วงกลาง โรงเรียน สังคม ต่างถิ่น ต่างประเทศ



ตำแหน่งพระเคราะห์มาตรฐานด้านดี...หากไม่ดี หรืออ่อนคือตรงข้าม อาจจะไม่ใช่ไม่ดี แต่เป็นเพียงลักษณะหนึ่ง  ตรงข้ามเกษตรคือประ ตรงข้ามมหาอุจจ์คือ นิจ ตรงข้ามราชาโชคคือเทวีโชค ตรงข้าม มหาจักรคือจุลจักร  การนำไปใช้งานจริง คค่อนข้างซับซ้อน

ภพกลางธาตุ หรือเรือนชะตากลางธาตุ
๒.๑ ปุตตภพ พระ ๑เป็นเกษตรราศีไฟกลางธาตุ  ความปรารถนา ความอยากในชั้นกลาง เข้าโรงเรียน เจอเพื่อนใหม่ สิ่งใหม่ๆ คืออยากจะสร้างอยากจะให้มีเพิ่มขึ้นใหม่ เติบโตขึ้นมา เจริญขึ้นมาต่อจากต้นธาตุหรือปฐมธาตุ หมายถึงบุตรและผู้อยู่ใต้บังบัญชาด้วย  

๒.๒ อริภพ พระพุธเป็นเกษตราศีดินกลางธาตุ คือปัญหา คืออุปสรรคที่ที่ต้องเจอ ฟันฝ่า คิด วิเคราะห์ วางแผน
ใช้สมอง ใช้ความคิดที่แจ่มชัดดีกว่า ให้พระพุธเป็นเจ้า

๒.๓ ปัตติภพ ลมกลางธาตุ ที่ๆต้องจัดการรักษาดุลพลัง ของธาตุบุคคลต่างๆที่หลายเรื่อง ดันกันเข้ามา  น้อยสุดก็คู่ครอง มากขึ้นก็สังคมบ้าน หน่วยงาน ที่ต้องรักษาให้พอดี ประคับประคองให้ไปกันได้  เรื่องสังคมคน ใช้ความรัก ความสวยงาม ความรื่นรมย์ พลังพระศุกร์คุม


๒.๔ มรณภพ ฟังชื่อดูน่ากลัว  น้ำกลางธาตุ พระอังคารเป็นเกษตรเจ้าราศี  ก็เหมือนพันธุภพ แต่เป็นตอนที่ 2 เขื่อมต่อไกลออกไป ยาวออกไป ต่างถื่น ต่างประเทศ พลัดพราก ไปต่างภพ สวรรค์ นรก บาดาล หรือในมดลูก ในท้อง  ที่ต้องเชื่อมต่อสร้างเครือขา่ยสื่อสารให้ทั่วถึง หรือสร้างอาณาจักรใหม่ เปิดสาขาใหม่ต่อไป 

ภพปลายธาตุ หรือเรือนชะตาปลายธาตุ ๔ เรือนชะตาที่ต้องทำให้จบสวยๆ สมบูรณ์

๓.๑ ศุภะภพ พระ ๕ เป็นเกษตรราศีไฟปลายธาตุ ราศีบิดา ที่พึ่งพิง ความสงบสุขทางจิต  บ้านเรือน ศาสนา พระเจ้า  ความสุข ความอบอุ่น เกี่ยวกับเรื่องความดีงาม  ปัญญา ความหลุดพ้น (ตนุ,ปุตต,ศุภะ) ให้พ่อครูฤาษีผู้ทรงคุณธรรม ทรงสติญานสมาธิ คุมดูแล

๓.๒ กัมมภพ พระ๗เป็นเกษตรราศีดินปลายธาตุ เรื่องกรรมที่ต้องรับจากที่บันทึกไว้  เรื่องงานมั่นคงที่ต้องทำ เรื่องกรอบที่ต้องปฏิบัติ ที่ต้องบังคับตนตามกฏเกณท์ เรื่องที่ต้องจบ ต้องสรุป  บ้านเรือน ทรัพย์สินที่ต้องเป็นของตัวเอง เรื่องอดีตที่ต้องจารึก เรื่องความมั่นคง พระเสาร์เป็นเจ้า

๓.๓ ลาภะภพ  พระ๘ ขุนคลังเป็นเกษตรราศีลมปลายธาตุ  เป็นธนาคาร ตู้เอทีเอ็ม เรื่องเงินที่ได้เป็นค่าตอบแทน รางวัล  เรื่องการแปรธาตุ เพิ่มขยาย ทำให้มาก ต้องเพิ่มความอยากให้มาก เพิ่มพลังความอยากให้เทวดาองค์ไหน  ให้เป็นหน้าที่ของพระราหูเจ้าโลก เจ้าแห่งมนต์มายาทำให้ลุ่มหลง  

๓.๔ วินาสะภพ พระ ๕ เป็นเกษตรราศีปลายธาตุน้ำ  การต่อให้จบ  พิจรณาประสานงานครั้งสุดท้ายด้วยปัญญาตรวจสอบบัญชี  ปิดบัญชี ทบทวนการกระทำทั้งหมดที่ผ่านมา  เพื่อให้จบแบบเป็นธรรม  ยุติธรรม ท่านครูเป็นเจ้า หรือท่านยม ท่านผู้พิพากษาแล้วแต่กรณีเป็นเรื่องๆไป  เรื่องบัญชี ก็ให้เด็กพาณิช เด็กจบบัญชี ฤาษีไม่ต้อง

จะเห็นว่าแท้จริงแล้วเรื่องราศีของดวงชะตามีเพียงธาตุ ๔ เท่านั้น ไฟกินดิน ดินกินลม  ลมกินน้ำ  น้ำกินไฟ แยกเป็น 3 ตอน ต้น กลาง ปลาย ในจักรราศีมีพระเคราะห์ ๘ องค์ประทับอยู่  ที่ราศีต่างๆ เมื่อดวงของเรา
เคลื่อนไปถึงราศีนั้นๆ  ก็จะเจอเรื่องนั้นๆ หากพระเคราะห์เข้มแข็ง ตำแหน่งดี เราก็ปลอดภัย  หากอ่อนก็มีเคราะห์ คือท่านรักษาเราไม่ได้  

พระเคราะห์ในทัศนคติของผมจะดีทั้งหมด เพราะเรียกว่าพระ  แต่บุญกรรมที่ท่านทำไว้ในอดีตชาตินั้นถึงพอหรือไม่ที่จะได้รับการดูแลรักษา  อย่างเสาร์ทับลัคน์ที่หมอดูทั่วไปกลัวกัน  แต่บางท่านอาจมีลาภ มีบ้าน เพราะเป็นกรรมดีในอดีต กลับมาตอบสนองครับ

กลับไป... ทฤษฎีส้นตีนตอนที่ 1

ไม่มีความคิดเห็น: