พลังเทว

เทวดาคืออะไรกันแน่ ในมุมมองของผมเอง มองทั้งรูปนามอันเป็นทิพย์ตามเรื่องตามตำนาน   มองทั้งเรื่องพลังงานระดับปรมณูที่อยู่ในรูป คน สัตว์ พืช  ในณุปแบบเทวดา ๘ องค์ ที่เติมความมืดความส่วาง ความดีความชั่วเข้าไปทั้ง 2 ด้าน  ด้านสว่างคือสุรเทวดา ด้านมือคืออสูรเทวดา

เทวอสูรสงครามภาคที่ ๕. อาจจะมีการแก้ไขอีกหลายครั้ง เพื่อความถูกต้องในมุมมองปรัชญา วิทยาศาสตร์ หรือศาสตร์อะไรก็ตามแต่ เพื่อความเข้าใจง่าย จากการพินิจพิจรณาหาข้อเท็จจริงของผมเองมหาปลี จนกว่าจะถึงที่สุด


เพิ่มคำอธิบายภาพ
สรุป... พลังเทวะในคติของผมเอง    มองในรูปพลังงาน เทวะคือพลังฝ่ายดี พลังอสูรคือฝ่ายไม่ดี
หรือพลัง สุระ กับอสุระ คือ ด้านสว่างกับด้านมืด ด้านยกขึ้น กับด้านกดลง  ด้านเข้ากับด้านออก หรือพลังหยางพลังหยิน แบบปรัชญาจีน   

โดยนับจากเส้นอ้างอิงที่แดนมนุษย์ สูงขึ้นก็เป็นเทวดา ๗ ชั้น พรหม ๑๖ ชั้น กว่าจะขึ้นไปได้ต้องบำเพ็ญเพียรฝ่ายดี จึงจะขึ้นไปได้   พลังฝ่ายอสูรคือพลังฝ่ายไม่ดี  คือ โลภ โกรธ หลง อาฆาตุ พยาบาท ฯลฯ คือจะสูงขึ้นจริงๆ  หรือเรียกว่าจมลงอีกด้าน  อยู่ใที่ยอดภูเขาตรีกูฏมหาบรรพต คืออเวจีมหานรก ซึ่งตรงข้ามกับ พรหมสุธาวาส อสูรไม่นับถือพระ หรือพระพรหมที่สูงกว่าเทวดา พลังอสูรนี้ถือเอาพลังฝ่ายทำลาย มนุษย์และบริวาร พืชพันธ์ สัตว์เลี้ยงฯลฯ

แล้วฝ่ายไหนคือเทวดาฝ่ายไหนคืออสูร ใครจะตัดสิน หากเป็นเรื่องในเมืองมนุษย์   ผมจะมองในรูปพพลังงาน หรืออาจมีโหงวเฮ้งร่วมด้วย  หากเกิดกับผมเองพลังเทว คือพลังที่ที่สร้างฐานะ สร้างกำลังวังชา รักษากาย วาจา มโนสังขาร  รักษาบ้าน รักษาต้นไม้ ฯลฯ ให้แก่ผม ส่วนที่เป็นพลังอสูรคือฝ่ายที่ เป็นเชื้อโรค อุบัติเหตุ อารมย์ โลภ โกรธ หลง  ที่นำไปสู่อบายทั้งหลายเป็นต้น

ในพิธีกรรมใหญ่ๆ   ที่มีการทำพิธีกรรมอย่างถูกต้องสมบูรณ์    มักมีเรื่องอัศจรรย์ปรากฏแก่สายตาผู้ร่วมพิธีเสมอ   ตัวอย่างเช่นเมื่อถึงเวลาทำพิธีสำคัญแม้แดดจะแรงเพียงใด   ฟ้าจะกลับครึ้มลงทันที   หรือแม้แต่ฟ้าฝนกำลังจะตก    ก็จะมีเหตุให้มวลเมฆทั้งหลายแยกจากกันจนฟ้าเกือบสว่าง   หรือหากลองสังเกตุหรือไปค้นหาดูเวลาทีในหลวงองค์ปัจจุบันรัชกาลที่ ๙   เสด็จมาเป็นประธานในพิธีสำคัญๆ  ผมเคยสังเกตุเห็นสิ่งอัศจรรย์นี้หลายครั้งแล้ว   จนคิดว่านั่นแหละคือส่วนหนึ่งของพลังเทวะ แล้วเทวะหรือเทวดาคืออะไร



พลังเทวะ  สร้างสรรนครเทวดา

โลกปัจจุบันนี้ เมืองใหญ่อลังการณ์   งดงามดุจดังสรวงสวรรค์ในตำนานโบราณ    เคยวาดเคยเขียน หรือจารึกไว้ตามโบสถ์ วิหารเก่าแก่ ใบลาน
หรือ สมุดข่อย  เด็กรุ่นใหม่อาจไม่รู้  เพราะสาเหตุใดก็ตามแต่สำหรับคนรุ่นเก่าแล้ว      ตึกรามโอฬารสร้างเสร็จในปีเดียวก็เหมือนดังตำนานเรื่องเทพนิรมิต   คนป่วยหนักสลบเหมือนตาย หมอกลับช่วยชีวิตมาได้ คล้ายการชุบชีวิตในอดีต บนฟ้ามียานพาหนะลอยไปมา ดุจยานพยนต์ล่องลอยบนสวรรค์ มนุษย์ก็รูปร่างสวยสดงดงามขึ้นทุกวันๆประดุจเทพเทวา  ฯลฯ สรรพความงามถูกเสกสรร ปั้นแต่งมาพร้อมความสดวกรวดเร็วดุจใจนึก  ดุจดังโลกทิพย์  งดงามสุดแสนบรรยาย หรือว่านี่คือสวรรค์จำลอง

ภาพโครงสร้างทางจืตวิญญานของมนุษย์
โครงสร้างจักรวาล ทางจิตเป็นชั้นๆออกมาจากข้างใน (ภาพนี้ไม่ได้ลงรายละเอียด )

ด้านบน  ด้านสว่าง ด้านความสุข ก็มี พรหม เทวดา ถัดจากสัตตบรรพต ก็เป็นมนุษย์ในชั้นที่ ๘ (ผู้มีใจสูง ) อยู่ด้านอารมย์ละเอียดประณีต ยกย่องคนดี ยกย่องผู้มีศีลธรรม พระราชาผู้ทรงธรรม ฯลฯ สามารถพัตนาอบรมจิตให้สูงขึ้นได้ ตรงนี้ถือเป็น "พลังเทวะ " คล้ายกับพลังหยาง อยู่ด้านใน ลึกเข้าไปๆๆ    วัตถุคือพระอาทิตย์  หากเป็นจิตคือจิตที่สว่างเป็นกุศล จนถึงปัญญาสว่างไสว

ด้านล่าง ด้านมืด ก็มี นรก อสูร เปรต  ถัดออกมาด้านนอกก็มีเดรัจฉาน พวกมนุษย์เลวๆชอบต่อยตี ชอบทำร้ายคนอื่น ยกย่องคนรวย ยกย่องคนเก่ง ดีไม่ดีเห็นแก่ตัวเห็นแก่ได้ยังไงไม่สน   อยู่ด้านนี้   ขึ้นไปข้างบนไม่ได้ เพราะตกอยู่ใต้อารมย์ไม่ดีที่อยู่ภายใต้การควบคุมของกิเลส ตัณหาด้านหยาบ   หาทางออกไม่เจอ มองเห็นแต่พวกตัวเอง มองเห็นแต่ความรู้สึกนึกคิดของพวกตนเอง การไปทำร้าย ทำลายผู้อื่น ด้วยวิสัยพาล (ไม่เจริญ ) ถือเป็น"พลังอสุระ" .. จากนอกเข้าใน  เป็นจักราลก็ห่างออกไปๆ ระดับสูงขึ้นไปๆมีแต่ความมืดของท้องฟ้า    อำนาจคือมืดอำนาจมืดบีบเข้าใน  ความมืดมองด้วยตาเคลื่อนจากนอกเข้าด้านในจักรวาล   ด้านจิตใจ ก็โลภ โกรธ หลงทุข์ระทม บาปกรรม

แต่การทำความดี     สร้างตนเองให้มีคุณธรรมสูงขึ้นหมือนเทวดา  ย่อมทำได้ทุกฤดูกาล   ความชั่วก็เช่นกันทำได้ไม่ต้องตามฤดู        

ธรรมชาติของฝ่ายเทว พลังเทวะ   ระดับ โลกและ จักรวาล คือแสงสว่างจากพระอาทิตย์ คือพลังจากสุริยเทพฯ  ที่ออกมาจากด้านในของศูนย์กลางจักรวาล   จากอากาศที่ยกตัว นำพาความชื้นออกมา  คือธาตุน้ำตัวผู้ คือการวิเคราะห์วิจัย คือการติดต่อสื่อสาร  คือเฟสบุ๊ค ไลท์ โซเชียลเน็ตเวอร์ก     หรือการติดต่อสื่อสารทั้งหมด รับอิทธิพล จากดาวพระพุธ แรงไม่แรงอยู่ที่พระอังคาร ธาตุลมตัวผู้  หรือภูมิดนัย แปลว่าบุตรแห่งโลก หรือ ตัว  LP เป็นพลังแผ่นดิน    เราจะมองเห็นว่าขึ้นบน ขึ้นเหนือ แต่จริงๆคือดันออกมาจากข้างใน เมื่อฝ่ายเทวขยับหรือรวมตัว จะมีพลังไอน้ำถูกยกขึ้นฟ้ามากมาย คือยกอย่างเดียว ยกไปมากกว่าปกติ การเอาลงหรือขั้นเมฆหมอกเป็นหน้าที่อีกฝ่าย

ธรรมชาติของฝ่ายอสูร คือพลังความมืด (พลังอสุระ ) ที่บีบจากด้านนอกจักรวาลเข้ามา คือวนซ้าย วนซ้ายเป็นพลังดูด ดูดเป็นพลังสายเดียวกับความโลภ    คือพลังจากอสุรินทร์ หรือเทพราหู   เจ้าแห่งไฟโลภ โกรธ หลง    มีพระเสาร์เป็นธาตุไฟสุมขอนตัวเมีย คอยรักษาเป็นเครื่องดองกิเลส ตัณหา สันดาน มีพระศุกร์เป็นธาตุน้ำตัวเมีย   เป็นอารมย์ หลงใหล หลงผิด หลงสวยหลงงหอม หลงเหม็น ดาวพระศุกร์เป็นได้ทั้งเทวดาและอสูร    

ระดับภูมิศาสตร์ธรรมชาติเป็นพลังจากอากาศแห้ง อากาศหนาว      เป็นความกดอากาศสูงเรียกตัว HP คอยผลักดันพลังเทวะ  หากมีฝ่ายเทวะนำความชื้นขึ้นมามาก จะเกิดการควบแน่นกลายเป็นเมฆ  ไปต่อไม่ได้จะถูกตีให้ตกลงกลายเป็นฝน  หรือเป็นหิมะที่เขตุหนาว   เมืองหรือนครของฝ่ายอสูรอยู่ที่อีกด้านของจักรวาลรอบนอก เมื่ออากาศชื้นมาถึงจุดเยือกแข็งคือกำแพงเมืองอสูร ต้องกลายเป็นหยดน้ำเป็นเกล็ดเมฆ   ปกติตัว HP  หรือกำแพงเมืองอสูรจะมีอาณาเขตุกว้างใหญ่ในฤดูหนาว    สามารถดันตัว LP ของฝ่ายเทวะเกิดเป็นฟ้าคนองหรือพายุลงทางละติจูดต่ำไปเรื่อยๆ จนกว่าจะเปลี่ยนฤดูกาล   จริงแท้แค่ไหนเชิญสังเกตุเปรียบเทียบดูเอาเองครับ

ซึ่งในความเป็นจริงแล้วธรรมชาติแท้บริสุทธิ์ ไม่มีอะไรผิดอะไรถูก แต่เมื่อเป็นภพภูมิชั้นมนุษย์ซึ่งเป็นสิ่งมีชีวิตระดับพลังงานชั้นที่ ๘  ชั้นที่ถือว่าเป็นเวไนยสัตว์ หรือสัตว์ที่อบรมสั่งสอนได้ ความมีศีลธรรมจึงเป็นเรื่องจำเป็น  มิเช่นนั้นบ้านเมืองก็ระส่ำระสายมีแต่ความแตกแยก  หน้าที่ของพระผู้รู้ผู้มีปัญญาจะนิ่งดูดายไม่ได้     คือต้องอบรมสั่งสอนบุคคลที่สอนได้ หน้าที่ของผีคือหลอกคนที่พอจะหลอกได้ ชีวิตเป็นเช่นนี้ ธรรมชาติเป็นเช่นนี้     เรื่องทั้งหมดในธรรมชาติพุทธศาสนาเรียกว่าคือวัฏฏสงสาร  วกวนเวียนรบกันอยู่นานนมกาเล ตั้งแต่ ทุบตี แทงฟัน จนกระทั่งรบราฆ่าฟันกันด้วยอาวุธทุกชนิด จนกระทั่งเจริญจริงเข้าสู่ยุคศรีวิไล ที่มนุษย์ไม่จำเป็นต้องรบกันจริง เป็นเพียงแค่ รบกันด้วยความคิด รบกันด้วยเกมส์สงคราม เป็น War Games  เพื่อความสุนทรีย์เท่านั้น จนกว่าจะเกิดความบื่อหน่ายคลายกำหนัด ต่างก็หาหนทาง เดินเข้าสู่พระนิพพาน หรือจะได้พบพระผู้เป็นเจ้า

สงครามในอดีตบวกปัจจุบัน  แต่ในยุคหนึ่งที่มนุษย์เจริญถึงจุดหนึ่งจะเป็นเพียง WAR GAMES ในเครื่องอีเลคฯ

เตือนสติ

ในบ้านเมืองที่เต็มไปด้วยความชั่วร้าย มีแต่คนเห็นแก่ตัว   หรือปล่อยให้คนไม่ดีมีอำนาจครองเมืองยาวนาน จน
คนดีเหลือน้อยหรือแทบไม่มี จะเหลือแต่บริวารคนชั่วคอยโกงกิน ทำลาย ไร้ซึ่งศีลธรรมอันดี ไม่นานเหล่าเทวดาที่สิงสถิตย์ ณ ที่เมืองนั้นก็จะหลบลี้จากพระนคร  สิ่งที่จะบังเกิดขึ้นตามมาคือความแห้งแล้งอันยาวนาน  ด้วยเหตุที่ไม่มีพลังเทวที่มีกำลังเพียงพอ ที่จะออกมากลั่นตัวเป็นน้ำฝนยามแห้งแล้ง เป็นน้ำฟ้ายามหนาวเหน็บ เพราะเหตุว่าไม่มีดวงจิตของมนุษย์ผู้มีศีลธรรมอาศัย ไม่นานบ้านเมืองนั้นจะถึงกาลพินาศล่มจม ไม่เชื่อลองดู 

หากบ้านใดเมืองใดมีคนดีอาศัยออยู่มากมาย บ้านเมืองนั้นก็จะมีเทวดารักษา ฝนฟ้าก็ตกต้องตามฤดูกาล บ้านเมืองมีความวิจิตร สวยงาม ตระการตา อุดมสมบูรณ์ด้วยข้าวปลาอาหาร มีแต่ความเจริญยิ่งๆขึ้นไป  บ้านเมืองนั้นก็น่าอยู่อาศัย อยู่เย็นเป็นสุข ร่มรื่นชื่นบาน ตลอดกาลนาน

แม้แต่เมืองไทย   เรื่องความขัดแย้งตั้งแต่ฝ่ายพันธมิตรกับฝ่ายทักษิณ ชินวัตร์  ถึงยุค กปปส กับ รบ.ยิ่งลักษณ์ หากใครที่สังเกตุสภาพอากาศอย่างละเอียด ละอ่อน ในแต่ละเหตุารณ์ จะเข้าใจว่าทำไมท่านขงเบ้ง จากเรื่องสามก๊กต้องนำสัมพันธภาพระหว่างลมฟ้าอากาศ มาใช้ในการทำสงครามได้อย่างเหมาะเจาะลงตัวา


ลกยุค ปัจจุบัน  ที่การพัตนาด้านวัตถุได้เจริญขึ้นอย่างรวดเร็ว      จนได้ก่อเกิดปัญหาอย่างมากมายในองค์รวมทุกๆด้าน   เพราะฉะนั้นโลกยุคใหม่ที่มาถึงจะเป็นยุคที่ต้องร่วมกันทั้งโลกทบทวน ปรับปรุงภาคศีลธรรมและจิตวิญญานให้เจริญ คู่ไปกับความเจริญด้านวัตถุ เพื่อโลกที่สวยงามน่าอภิรมย์ อันเป็นการเริ่มต้นยุคใหม่ ยุคศิวิไลอันแท้จริง  นี่คือคำทำนายของข้าพเจ้าเอง.. มหาปลี


                                               ด้วยความปรารถาดีจาก มหาปลีสีทันดร

เพื่อความสุนทรียารมย์ พื้นฐานของเทวดาพักผ่อนฟังเพลงจากกีตาร์ระดับเทพฯ สมบูรณ์ทั้งรูป ลีลา และบรรยากาศ แวดล้อมโดยรอบ ประดุจเทพบุตรจำแลงจากสรวงสวรรค์  ลงมาบรรเลง ขับกล่อม / คลิปนี้แนะนำโดย อจ.ธนเทพฯ กีตาร์โหรครับ



ไม่มีความคิดเห็น: