ปฏิทินชาวมายา

วันที่ 21 ธันวาคม คศ. 2012 วันโลกแตก
จะเกิดอะไรขึ้นในวันนั้น เห็นมีคำทำนายมาเยอะมาก  จากเรื่องโน้นเรื่องนี้ มีเรื่องหนึ่งที่เน้นมากคือวันนี้ตรงกับปฏิทินชาวมายาว่าเป็นวันสิ้นโลก  ผมเองก็ไม่เคยใช้ปฏทินนี้ ใช้อย่างดีก็ปฏิทินโหราศาสตร์ของ อจ.ทองเจือ อ่างแก้ว ซึ่งท่านก็เรียนจากคำภีร์สุริยาตร์ไทย  แต่เรื่องปฏิทินโลกแตกของชาวมายาไม่เคยดู  แต่ฝรั่งได้เอามาทำเป็นภาพยนต์แล้วเอามาเผยแพร่คนเลยรู้จักและตื่นเต้นกันไปใหญ่ (ทั้งๆที่ปฏิทินในโลกนี้มีเยอะแต่ไม่มีใครรู้จัก)  เผื่อโลกแตกจริงขึ้นมาก็ได้ตายกันหมด ถ้าโลกไม่แตกแล้วค่อยมาเล่นกันต่อ ไม่รู้จะไปขุดอะไรมาเล่นอีก นะครับ



 21 ธค. 2012 โลกแตกจริงไหม  จาก  [http://www.gracezone.org/index.php/-2012/531-mayan-2012]   คำถามนี้เป็นปัญหาโลกแตก (literally speaking) จริงๆ เพราะนอกจากจะเกี่ยวกับเรื่องวันสิ้นโลกแล้ว ยังเป็นคำถามที่ไม่มีใครให้คำตอบที่แน่นอนได้ มีเพียงการคาดเดา การผูกโยงข้อมูลต่างๆ เพื่อทำนายถึงสิ่งที่จะเกิดขึ้นในวันสิ้นโลก า(ดู http://www.december212012.com/articles.shtml) เหตุการณ์ที่คาดเดากันว่าจะเกิดและเหตุการณ์ที่เกี่ยวเนื่องมีทั้งเรื่องของ ปรากฏการณ์ทางธรรมชาติบนดวงอาทิตย์ที่จะเกิดผลกระทบยิ่งใหญ่กับระบบสุริยะ จักรวาลและโลกของเรา ภัยพิบัติทางธรรมชาติที่จะเกิดขึ้นจนถึงวันที่ 21 ธันวา 2012 การเปลี่ยนขั้วของขั้วโลกเหนือใต้ ฯลฯ    แล้วชาวมายันทำนายไว้ว่าอย่างไร

ชาวมายาคือใคร อยู่ที่ไหน
อาณาจักรมายา เป็นอาณาจักรโบราณในอเมริกากลาง มีพื้นที่บริเวณประเทศเม็กซิโกคาบเกี่ยวกับเบลีซและกัวเตมาลา มีความรุ่งเรืองช่วง 500 ปีก่อนคริสตกาลจนถึง ค.ศ. 1502 มีจุดศูนย์กลางอยู่ที่นครวากา ปัจจุบันคือ เอลเปรู มีอายุร่วมสมัยเดียวกับอารยธรรมเตโอตีอัวกาน (Teotihuacán)

อาณาจักรมายาปกครองด้วยระบบกษัตริย์รียกว่า คูฮุลอะฮอว์ (K'uhul ajaw) หรือ เทวกษัตริย์
ชาวมายาใช้อักษรภาพในการบันทึก มีความสามารถทางดาราศาสตร์ จนสามารถทำนายเวลาเกิดสุริยุปราคาและจันทรุปราคาได้ล่วงหน้าเป็นเวลานาน รู้จักทำปฏิทินใช้ รู้จักประดิษฐ์เลขศูนย์ใช้ในวิชาคณิตศาสตร์ รู้จักค้าขายเกลือ หยก และเครื่องปั้นดินเผา แต่ชาวมายาไม่รู้จักใช้ล้อและไม่รู้จักการถลุงแร่ ซึ่งแสดงว่าชาวมายาดำรงชีวิตเหมือนมนุษย์หินที่รู้จักใช้เพียงไม้ กระดูกสัตว์ หินปูน และหินทรายในการสร้างเมือง
 
เทพเจ้าชาวมายา
ชาวมายานับถือเทพเจ้ามาก และมีเทพเจ้ามากมาย ทั้งสุริยเทพ วสันตเทพ และมรณเทพ เทพเจ้าเหล่านี้ทรงโปรดปรานการเสวยเลือด ดังนั้นจึงมีพิธีบูชายัญด้วยชีวิตของหญิงพรหมจารี(บริสุทธิ์)เพื่อถวายเทพ

พีระมิดของชาวมายา
พีระมิดของชาวมายา  มีความสูงกว่า 150 ฟุต บนยอดพีระมิดจะแบนราบแตกต่างไปจากของอียิปต์ที่ปลายแหลม ประกอบด้วยบันไดทางขึ้น 4 ด้าน บันไดด้านละ 91 ขั้น รวมกับยกพื้นที่ฐานของพีระมิดอีกนับรวมเป็นได้ 365 ครบหนึ่งปี ถือเป็นปฏิทินถาวรอย่างหนึ่งของชาวมายา หนึ่งปีของชาวมายามี 13 เดือน และฤดูกาลอีก 4 ฤดู

 ปฏิทินชาวมายา

ชาว มายันไม่ได้เขียนชัดเจนว่า วันที่ 21 ธันวา 2012 จะเป็นวันสิ้นสุดของโลก มีผู้คนจำนวนมากเชื่อว่า มันคือวันที่โลกจะเปลี่ยนแปลงจากยุคหนึ่งเป็นอีกยุคหนึ่ง และเรามีหน้าที่ที่จะต้องเตรียมรับมือกับวันนั้นให้ได้ เพื่อความอยู่รอดจากการเปลี่ยนแปลง และหลังจากวันนั้น โลกของเราจะมีสันติสุขอย่างแท้จริง

ปฏิทินของชาวมายันโดยคร่าว ๆ
จาก ปฏิทินของชาวมายัน เรากำลังอยู่ในช่วงปลายของ 1 วันแห่งระบบจักรวาล หรือ End of a Galactic Day ซึ่งระยะเวลา 1 วัน แห่งระบบจักรวาลนั้นยาวนานถึง 25,625 ปี และแบ่งได้เป็น 5 ช่วง ช่วงละ 5,125 ปี และขณะนี้เราอยู่ในช่วงปลายของช่วงที่ 5 แล้ว ชาวมายันบอกว่า นับจากปี 1999 เราจะมีเวลา 13 ปีที่จะปรับเปลี่ยนทัศนคติและจิตสำนึกของการอยู่บนโลกใบนี้เพื่อที่จะรอดจาก การทำลายล้าง และในขณะเดียวกัน ก็ก้าวสู่เส้นทางที่จิตสำนึกใหม่ปูให้กับการอยู่ร่วมกันอย่างสงบสุข
ตามศาสตร์ของชาวมายัน ทุกๆ 5,125 ปี ดวงอาทิตย์จะเกิดปรากฏการณ์บางอย่างที่สัมพันธ์กับศูนย์กลางทางช้างเผือกอัน กว้างใหญ่ และจากปรากฏการณ์นั้นเอง ดวงอาทิตย์จะได้รับ “ประกายไฟ” (Spark of light) ซึ่งทำให้ดวงอาทิตย์ส่องแสงและส่งผ่านความร้อนรุนแรงมากขึ้น  เกิดเป็นปรากฎการณ์ผีไฟ อย่างที่นักวิทยาศาสตร์เรียกว่า “Solar Flares” และยังทำให้ขั้วแม่เหล็กของดวงอาทิตย์เปลี่ยนแปลง ซึ่งส่งผลต่อมายังโลก เกิดการสับเปลี่ยนขั้วโลก และทำให้เกิดหายนะทางธรรมชาติตามมามากมาย ปรากฏการณ์เหล่านี้ ชาวมายันเชื่อว่าเป็นเพียงกระบวนการทางธรรมชาติกระบวนการหนึ่งที่จะเกิดขึ้น ซ้ำแล้วซ้ำเล่าอย่างสม่ำเสมอ ยิ่งมนุษย์ช่วยกันทำให้โลกร้อนยิ่งๆขึ้นแล้ว สิ่งเหล่านี้คงจะทำให้พลังของ “ผีไฟ” เพิ่มขึ้น   ซึ่งชนเผ่ามายาเชื่อว่า 2012 เป็นปีที่ “ผีไฟ” จะมีพลังอำนาจขึ้นสูงสุด สามารถควบคุมพลังของจักรวาลได้ สุดท้าย “ผีไฟ” ก็จะใช้พลังความร้อนของดวงอาทิตย์ สร้างพลังพายุสุริยะและเผาทำลายโลกนี้ให้แหลกไป 

เรื่องนี้เป็นเรื่องที่เล่ากันต่อๆมา ต้องคอยดูกันไปว่าอีกไม่กี่เดือนที่จะถึงนี้   “ผีไฟ” จะเปลี่ยนโลกหรือไม่?เปรียบเหมือนการหายใจของคน และจะไม่มีทางเปลี่ยนแปลงหรือหยุดไป เหตุการณ์เหล่านี้เคยเกิดขึ้นมาแล้ว 4 ครั้ง (4 รอบแรกของปรากฏการณ์จากดวงอาทิตย์) และจะเกิดขึ้นอีกเป็นครั้งที่ 5 เมื่อครบ 5,125 ปี ซึ่งก็คือวันที่ 21 ธันวาคม 2012 นั่นเอง
   
เมื่อเร็วๆ มานี้ องค์การ NASAได้เคยทำให้สาธารณะชนเกิดความหวาดหวั่นด้วยการออกมาเปิดเผยว่าการพลิกกลับของขั้วแม่เหล็กโลกจะทำให้ความเข้มข้นของสนามแม่เหล็กโลกอ่อนลง และไร้ความมั่นคงแต่ไม่ถึงกับลดลงถึงระดับศูนย์     แต่จากการศึกษาร่วมกันของนักวิทยาศาสตร์ด้านคอมพิวเตอร์จำนวนหนึ่งกับกลุ่มนักธรณีฟิสิกส์และนักดาราศาสตร์ฟิสิกส์พบว่า ทั้งโลกและดวงอาทิตย์จะสิ้นสุดระยะเวลาที่ใช้ในกระบวนการพลิกกลับของขั้วแม่เหล็ก (Magnetic Pole Reversal) ในปี ค.ศ. 2012 โดยครั้งล่าสุดกระบวนการนี้ได้เกิดขึ้นเมื่อหลายล้านปีที่ผ่านมาจนทำให้สัตว์จำพวกไดโนเสาร์สูญพันธุ์จนหมดสิ้น จากการค้นคว้าวิจัยและการวิเคราะห์ร่วมกันใน Hyderabad ได้คาดการณ์ว่าการเปลี่ยนแปลงอย่างรุนแรงครั้งใหม่นี้จะเกิดขึ้นในปี ค.ศ. 2012
-------------------------------------------------------------------------------------                              
พอวันเวลาผ่านไปเรื่องปฏิทินวันสิ้นโลกก็เริ่มไขว้เขวครับ
 (จาก http://www.manager.co.th/science/viewnews.aspx? NewsID=9550000080642(2กรกฎาคม2555))
พบอักษรชาวมายาชี้ “วันสิ้นสุด” ของปฏิทินมายามีอยู่จริง และเป็นเอกสารฉบับที่สองที่เราพบว่าระบุวันดังกล่าว แต่นักวิจัยชี้แจงว่า ความเชื่อของชาวมายาโบราณต่างจากความเชื่อของคนยุคนี้ เพราะวันดังกล่าวไม่ได้ชี้ถึงวันสิ้นสุดของโลก

อักษรเหล่านี้บอกเล่าเรื่งราวเกี่ยวกับประวัติศาสตร์การเมืองโบราณมากกว่าจะเป็นเรื่องคำพยากรณ์ หลักฐานใหม่นี้ชี้ว่า วันของรอบที่ 13 บักตุน (13 bak'tun) นั้นเป็นเหตุการณ์ในรอบปฏิทินที่สำคัญ ซึ่งชาวมายาโบราณจะฉลองวันดังกล่าว ทว่าพวกเขาก็ไม่ได้สร้างคำพยากรณ์ถึงหายนะเมื่อถึงวันดังกล่าวแต่อย่างใด” มาร์เซลโล คานูโต (Marcello Canuto) ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยอเมริกากลาง (Middle America Research Institute) ของมหาวิทยาลัยทูเลน (Tulane University) แถลง
     
ทั้งนี้ ไลฟ์ไซน์อธิบายไว้ว่าปฏิทินรอบยาว (Long Count calendar) ของชาวมายานั้นแบ่งเป็นบักตุน (bak'tuns) หรือรอบ 144,000 วัน ที่เริ่มจากวันสร้างโลก (creation date) ของชาวมายา และวันเหมายัน (winter solstice) ซึ่งตรงกับวันที่ 21 ธ.ค. ของปี 2012 คือวันของรอบบักตุนที่ 13 ซึ่งชาวมายากำหนดให้เป็นการครบรอบการสร้างโลก
     
หากแต่คนยุคใหม่กลับเชื่อว่าวันดังกล่าวคือวันสิ้นโลก ทั้งที่มีหลักฐานอ้างอิงทางโบราณคดีเพียงชิ้นเดียวที่ระบุถึงปี 2012 นี้ นั่นคือข้อความที่จารึกบนอนุสาวรีย์ ณ เมืองทอร์ทูกัวโร (Tortuguero) เม็กซิโก ที่มีอายุย้อนไปประมาณปีคริสตศักราช 669
     
 ล่าสุดนักวิจัยเพิ่งขุดพบหลักฐานชิ้นที่สองจากการสำรวจซากปรักหักพังในเมืองลา โคโรนา (La Corona) ของกัวเตมาลา ซึ่งบนก้อนหินบันไดทางเดินที่มีการแกะสลักอักขระโบราณนั้น นักโบราณคดีได้เห็นภาพการฉลองถึงการเสด็จมาเยือนของกษัตริย์ ยักนูม ยิชแอก คาห์ก (Yuknoom Yich'aak K'ahk) แห่งเมืองกาลักมุล (Calakmul) ซึ่งเป็นผู้ปกครองของชาวมายาที่ทรงอิทธิพลที่สุดในยุคนั้น
     
     
 พระองค์ยังทรงเป็นที่รู้จักในอีกชื่อว่า “จากัวร์ พาว์” (Jaguar Paw) และนักประวัติศาสตร์มีข้อสันนิษฐานมานานแล้วว่ากษัตริย์จากัวร์ พาว์นั้นสิ้นพระชนม์หรือทรงถูกจับในการสู้รบจากการโจมตีของอาณาจักรทิกอล (Kingdom of Tikal) ปีคริสตศักราช 695 แต่อักขระที่จารึกไว้นั้นชี้ว่าพวกเขาสันนิษฐานผิด
     
ในความเป็นจริงพระองค์เสด็จเยือนลาโคโรนาในปีคริสตศักราช 696 ซึ่งเป็นไปได้ว่าอาจเป็นความพยายามในการพยุงความจงรักภักดีของหมู่ประชากรที่รับรู้ความพ่ายแพ้ของพระองค์ในการสู้รบก่อนหน้านั้น 4 ปี และในช่วงหนึ่งของการประพาสต้นพระองค์ทรงเรียกขานพระองค์เองว่า “พระเจ้ากาตุนที่ 13” (13 k'atun lord) ดังปรากฎในอักขระที่เพิ่งค้นพบ
  กาตุนยังเป็นหน่วยย่อยของปฏิทินมายาซึ่งมีรอบเวลา 7,200 วันหรือประมาณ 20 ปี ซึ่งกษัตริย์จากัวร์ พาว์ทรงครองตำแหน่งถึงปลายกาตุนที่ 13 ในปีคริสตศักราช 692 ซึ่งจะตรงกับวันที่ 21 ธ.ค. ที่กำลังจะมาถึง และเพื่อผูกโยงพระองค์และรัชสมัยของพระองค์สู่อนาคต พระองค์จึงทรงเชื่อมโยงรัชสมัยของพระองค์กับรอบบักตุนที่ 13 รอบถัดไป ซึ่งก็คือวันที่ 21 ธ.ค. 2012 นั่นเอง

สิ่งที่อักขระนี้บอกแก่เราคือช่วงเวลาแห่งวิกฤต ซึ่งชาวมายาโบราณใช้ปฏิทินของพวกเขาเพื่อสานความต่อเนื่องและความยั่งยืนมากกว่า   ณจะเป็นการทำนายวันโลกาวินาศ” คานูโตกล่าว
     
ที่เมืองลา โคโรนานั้นเป็นแหล่งขุดค้นทางโบราณคดีที่ถูกลักลอบขโมยของมากที่แห่งหนึ่ง และเพิ่งได้รับการสำรวจโดยทีมนักโบราณคดียุคใหม่ได้ประมาณ 15 ปีเท่านั้น โดยคานูโตยังมี โทมัส บาร์เรนทอส คิว (Tomas Barrientos Q.) จากมหาวิทยาลัย เดล วาลล์ เดอ กัวเตมาลา (Universidad del Valle de Guatemala) ร่วมทีมขุดสำรวจ
     
ทีมวิจัยได้ขุดพบหินบันไดขั้นแรกเมื่อปี 2010 ใกล้ๆ กับสิ่งก่อสร้างที่ถูกทำลายอย่างหนักจากนักขโมยโบราณวัตถุ หัวขโมยพลาดบันได12 ขั้นนี้ไป แต่ก็เหลือตัวอย่างหินในปราสาทดั้งเดิมไว้เพียงเล็กน้อย ทีมวิจัยยังพบหินอีก 10 ก้อนจากขั้นบันไดที่ถูกหัวขโมยเคลื่อนย้ายแต่ถูกทิ้งไว้ โดยสรุปทีมวิจัยพบหิน 22 ก้อนที่มีอักขระโบราณ 264 ตัว ซึ่งบ่งชี้ถึงประวัติศาสตร์ด้านการเมืองของลา โคโรนา และส่งผลให้โบราณวัตถุเหล่านี้เป็นอักษรมายาโบราณที่ยาวที่สุดในกัวเตมาลา


 [ เรื่องโลกแตก ไม่แตกในทัศนของผม เป็นเรื่องที่ไม่ควรกังวล และคิดว่าคงไม่มีใครรู้จริง อ่าน ดู และฟัง อย่างมี สติ ติดตามข่าสารอยู่ตลอดน่าจะเป็นเรื่องที่ดีกว่า เตรียมความพร้อมไว้เสมอ ไฟฉาย เทียนไข ตะเกียง น้ำดื่ม ด่างทับทิม ยาที่จำเป็นสำหรับตัวเอง ฯ ]
                                                                                                            Bananaranode

ไม่มีความคิดเห็น: