เรื่องพระราหูนี้เป็นเรื่องยาว ถ้าให้เล่ากันจริงๆ แล้วยาว เพราะเป็นเรื่องหัวใจของโลก เป็นหัวใจของโหราศาสตร์ไทย เป็นเจ้าผู้ปรุงแต่งโลกธาตุ ผมก็เคยร่ำเคยเรียนมาบ้างแบบมั่วๆตามสไตล์
โลกนี้มีพระราชาอยู่ ๒ พระองค์คือพระอาทิตย์กับพระราหู แบบพื้นๆคือกลางวันพระอาทิตย์เป็นใหญ่ แต่เมื่อค่ำลงเจ้าแห่งความมืดก็เข้าปกคลุม พระราชานามพระราหูก็มีอำนาจขึ้นมาแทน บริวารพระราหูไม่ต้องอาศัยแสงสว่าง ไปหากินแบบมืดๆ หากสว่างแล้วมองไม่เห็น หรือไม่ก็แสบตา เช่นพวกผีทั้งหลาย ค้างคาว งู มูสัง นักร้อง หมอนวด นักการเมืองพวกหนึง พ่อค้าแม่ค้า ที่ทำมาหากินลับๆ ลับก็คือความมืดประเภทหนึ่ง
หากจะคิดแบบอาทิตย์เป็นราชาในสมัยหนึ่ง โลกก็เป็นอยู่อีกแนวอีกแบบ ไม่ขอกล่าวถึงท่านต้องคิดเอาเอง กับยุคยุค สมัยพระราหูเป็นเจ้า ซึ่งน่าจะตรงกับสมัยนี้ คือยุคที่พ่อค้านายทุน และการปรุงแต่ง แสง สีเสียง รูป กลิ่น รส เป็นใหญ่ พระราหูได้เริงร่า หมุนเงินตราแปรปลี่ยนโลกธาตุเป็นสิ่งของได้ตามประสงค์ ยิ่งเทคโนโลยีเจริญรุ่งเรืองแล้วพระราหูยิ่งสนุก ย้ายร่างแปลงเงามันส์ ฮาได้ทั่วจักรวาล อย่าไปขวาง ทีใครทีมัน สมัยไหนใครเป็นเจ้าก็ต้องหลีกทางให้เขา เป็นเพียงยุคสมัยหนึ่งไม่ใช่ตลอดกาล
ตามนิทานแล้วเขาว่าพระราหูมีกายาสีดำ เพราะอาจเห็นบนฟ้าเวลาจะอมอาทิตย์และจันทร์ว่าท่านดูดำๆเป็นเงามืด อาทิตย์กับจันทร์ไม่ได้ดำแต่ขาว หรือเหลือง ทองดูอวบอั๋น มีประกาย แต่โหรบางท่านที่ดังมากๆว่าพระราหูชอบของดำ ผมก็ไม่เชื่ออีก แต่ก็ไม่แน่ท่านอาจไปอมของดำที่ไม่มีใครเห็นก็ได้ รสนิยมพระราหูดูท่านมีรสนิยมคล้ายพวกฝรั่งชอบของดำ หน้าตาบ้านๆ แต่ก็อย่างว่าพระราหูมีตั้ง ๘ ภาค บางภาคอาจชอบของดำจริงก็ได้ แต่โดยปกติดวงชะตาใครหากพระราหูเด่นมักรวย เป็นใหญ่เป็นโต มีของดีให้อมทั้งปีแบบเลือกได้เสียด้วย สมัยนี้จะเก่งทางเล่นหุ้น ทุบหุ้นให้ตกแล้วเลือกช้อนเอาแบบสบายๆเป็นต้น รวย รวย มักจะได้เป็นใหญ่เป็นโต แต่ปัญหาของพระราหูในอดีต คือท่านแปลงร่างแอบเข้าไปดื่มน้ำอัมฤทต ที่เหล่าเทวดากับอสูรกวนช่วยกันกวนสมุทร แต่ถูกจับได้ ถูกจักรพระนารายณ์ขาด ๒ ท่อนแต่ไม่ตายกลายเป็นเทพฯ ที่มีแต่หัวกับหาง เหาะร่อนเร่ไปในอากาศกลับบ้านไม่ได้ จะกินอะไรก็ไม่ได้ ได้แต่ อม อม เอาไว้ กินเข้าไปก็รั่วเหมือนโดนยึดทรัพย์ โดน ดีเอสไอสอบสวน หาเรื่องยึดทรพย์ที่เล่นหุ้นมาได้ ทำธุรกิจมาได้ ทีคนทำบุญมาได้ไปหมด ด้วยความแค้นจึงตามมาอมพระอาทิตย์และพระจันทร์ ซึ่งเป็นเทพฯที่ไปแอบบอกพระนารายณ์ให้รู้ว่าพระราหูปลอมตัวมาแอบกินน้ำอัมฤต
ยืมภาพจากASTV ผู้จัดกวน ออนไลท์มาครับเห็นว่า ๒ ท่านนี้ชะตาชีวิต คล้ายๆในนิทานพระราหู |
การบูชาพระราหู ตามตำรับของโหร อรรถวิโรจน์ ศรีตุลาจะใช้ของดำ ๘ อย่าง ดังนี้ไก่ดำ เหล้าดำ การแฟดำ เฉาก๊วย ข้าวเหนียวดำ ถั่วดำ ขนมเปียกปูนดำ และไข่ดำ และเป็นที่ทราบกันดีในหมู่ประชาชนว่า วัดที่มีการจัดพิธีบูชาพระราหูอย่างยิ่งใหญ่ คลื่นมหาชนชาวพุทธแห่แหนมากราบไหว้ บูชาพระราหู ที่มีชื่อเสียงได้แก่ วัดศีรษะทอง ที่ตั้งอยู่ ตำบลศีรษะทอง อำเภอนครชัยศรี จังหวัดนครปฐม ซึ่งมีการจัดงานเป็นประจำทุกปี นักการเมืองดังฝั่งเน้นเพื่อเงินเห็นไปกันหลายคนหลายหนผมไม่อยากบอกว่ามีใครมั่ง แต่อีกฝั่งก็อาจมีแอบไปแต่ยังไม่เห็นในข่าว
ท่านว่าพระราหูชอบของดำ เลยต้องถวายของดำ ไม่รู้ท่านจะโปรดจริงหรือเปล่า เป็นความเชื่อ ? |
พระเคราะห์หรือเรือนที่ท่านไปอยู่ด้วย ดีร้ายเป็นมนุษย์บัญญัติ โลกธาตุไม่เกี่ยวดีชั่ว มีแต่แรงเบา อ่อน ตึง แปรไปตามคุณลักษณเดิมๆของพระเคราะห์นั้นไปเสริมธาตุให้แรงขึ้น
พระราหูดีหรือไม่ดี ทางพระทางธรรมไม่ดีแน่เพราะอยู่คนละด้าน ถือเพศเป็นบรรพชิตแล้วหากถือคติว่าว่าราหูดี หรือราหูต้องดี ต้องโดนสึก ชาวโลกถ้าว่าราหูไม่ดีก็อย่าไปมีครอบครัว เพราะปรุงแต่งให้เกิดต่อเนื่องไม่ได้ ท่านต้องรู้เพศตัวเอง สมณเพศนั้นราหูต้องไม่ดี ส่วนคฤหัสถ์หรือผู้ครองเรือนนั้นราหูต้องดี จึงจะเจริญตามวิถีโลกครับ
ตำนานพระราหูจริง
พระราหู : โหราศาสตร์ ศีรษะมังกร, ผีซาตาน พระวิษณุชุบขึ้นมาจากหัวผีโขมด ๑๒ หัวจึงมีกำลลัง ๑๒ ออกจากภูมิกลางไปประจำอยู่ทิศ พายัพ (พวยัพ มาจากคำว่า พายุร้าย) ตามโลกธาตูพระราหู คิดตามธาตุถือเป็นธาตุลม ถือตามผมเองเป็นธาตุลมตัวเมีย
พระราหูเป็นพญาอสูรแต่เพียงผู้เดียวที่มีความเป็นอมตะในบรรดาหมู่ อสูรเทพทั้งหมด จึงได้รับการยกย่องจากพระพรหมให้เป็นเทพองค์หนึ่งด้วย อสูรราหูเป็นบุตรของพระ กัศยปเทพบิดรกับนางสิงหิกา แต่กลับมีร่างกายเป็นยักษ์ร้าย
พระราหูเป็นพญาอสูรแต่เพียงผู้เดียวที่มีความเป็นอมตะในบรรดาหมู่ อสูรเทพทั้งหมด จึงได้รับการยกย่องจากพระพรหมให้เป็นเทพองค์หนึ่งด้วย อสูรราหูเป็นบุตรของพระ กัศยปเทพบิดรกับนางสิงหิกา แต่กลับมีร่างกายเป็นยักษ์ร้าย
เมื่อทวยเทพกับอสูรได้ทำสงครามกันครั้งใด อสูรราหูก็จะเป็นตัวตั้งตัวตีในการ นำทัพอสูรเข้าบุกแดน ดาวดึงสาพิภพของพระอินทร์ทุกครั้ง แต่ก็ไม่สามารถเอาชนะพระอินทร์ได้ ต้องถอยทัพกลับมาทุกครั้งไปเช่นกัน แต่เมื่อพระอินทร์ถูกฤาษีสาปให้ถอยฤทธิ์ลง พระอินทร์และ เทวดาบริวารก็พ่ายแพ้แก่พวกอสูรตั้งแต่บัดนั้นเป็นต้นมา พวกเทวดาจึงถูกพวกอสูรฆ่าตายลงไป จนเกือบหมด พระอินทร์ก็หมดปัญญาที่จะต่อสู้อีกต่อไป จึงได้พาเทวดาบริวารไปกราบทูลขอ ความช่วยเหลือจากพระนารายณ์ผู้เป็นเจ้า ในทะเลน้ำนมอันเป็นที่สิ่งสถิตของพระองค์
เทวดา และอสูร ช่วยกันกวนเกษียรสมุทร เพื่อทำน้ำอัมฤต
พระนารายณ์ก็แนะนำให้ทำพิธีกวนน้ำทิพย์ เมื่อกินแล้วจะได้มีความเป็นอมตะ คือไม่รู้จักตาย แต่ทรงเห็นว่าลำพังเฉพาะพวกเทวดาแล้วคงทำงานใหญ่ครั้งนี้ไม่สำเร็จ จำเป็น ต้องอาศัยแรงและฤทธิ์ของพวกอสูรด้วยจึงจะทำได้ จึงทรงบอกให้พระอินทร์และบรรดาเทวดาไป ขอร้องให้พวกอสูรมาช่วยด้วย ให้แกล้งหลอกทำสัญญากับพวกอสูรว่าถ้ากวนน้ำทิพย์สำเร็จแล้วก็ จะแบ่งให้พวกอสูรครึ่งหนึ่งของน้ำทิพย์ที่ได้ทั้งหมด แต่พอได้น้ำทิพย์แล้วก็ค่อยหาทางหลีกเลี่ยง กันทีหลัง คือไม่ยอมให้พวกอสูรได้กินน้ำทิพย์นั้นกันเสียเลย พระนารายณ์ทรงรับรองว่าถึงตอน นั้นพระองค์จะทรงจัดการกับพวกมันด้วยพระองค์เอง
เมื่อพวกเทวดาไปทำสัญญากวนน้ำทิพย์ร่วมกันกับพวกอสูรเป็นผลสำเร็จแล้ว พิธีกวนน้ำทิพย์จึงได้เริ่มขึ้น ณ ทะเลน้ำนมนั่นเอง ด้วยการยกเอาภูเขามันทรมาเป็นเครื่องกวนน้ำ ในทะเลน้ำนมนั้น บรรดาเทวดาและอสูรตางก็ออกไประดมกันเก็บเกี่ยวเครื่องยาสมุนไพรที่มีอยู่ทั้ง สามโลกนานาชนิดเป็นจำนวนมหาศาลมาทุ่มทิ้งลงไปในทะเลแห่งนั้นแล้วเอาพญานาควาสุกรีมา พันรอบเขามันทรต่างสายเชือกสำหรับให้เทวดาและอสูรช่วยกันดึงไปมาปั่นภูเขาให้หมุน เพื่อให้ เครื่องยากับน้ำในมหาสมุทรเข้ากันจนเกิดเป็นน้ำทิพย์ที่ต้องการ
เมื่อถึงเวลาของการดึงเชือกหรือ พญานาคพวกเทวดาก็เริ่มเอาเปรียบตั้งแต่เริ่มแรกกันทีเดียว ด้วยการพากันไปดึงส่วนที่เป็นหาง ของนาค พวกอสูรจึงจำต้องไปดึงที่ส่วนหัวของพญานาค พวกเทวดาและอสูรต่างก็ช่วยกันปั่น ช่วยกันกวนน้ำทิพย์จนเป็นเวลาช้านาน พญานาควาสุกรีได้รับความทุกข์ทรมานิ่งจึงพ่นพิษออก มาเป็นไฟถูกพวกอสูรบาดเจ็บและอ่อนแรงลง อสูรราหูก็เป็นผู้หนึ่งที่ต้องการแรงฉุดอยู่ทางหัวนาค จึงต้องได้รับทุกข์ทรมานและเจ็บปวดไปด้วยพิษนาคด้วย แต่ก็จำต้องอดทนเพื่อความสำเร็จจึง ต้องทนทำต่อไป แต่ก็ให้รู้สึกคิดแค้นพวกเทวดาอยู่ไม่หาย อสูรราหูจึงมุ่งมั่นที่จะเป็นอมตะให้ได้
เมื่อถึงเวลาของการดึงเชือกหรือ พญานาคพวกเทวดาก็เริ่มเอาเปรียบตั้งแต่เริ่มแรกกันทีเดียว ด้วยการพากันไปดึงส่วนที่เป็นหาง ของนาค พวกอสูรจึงจำต้องไปดึงที่ส่วนหัวของพญานาค พวกเทวดาและอสูรต่างก็ช่วยกันปั่น ช่วยกันกวนน้ำทิพย์จนเป็นเวลาช้านาน พญานาควาสุกรีได้รับความทุกข์ทรมานิ่งจึงพ่นพิษออก มาเป็นไฟถูกพวกอสูรบาดเจ็บและอ่อนแรงลง อสูรราหูก็เป็นผู้หนึ่งที่ต้องการแรงฉุดอยู่ทางหัวนาค จึงต้องได้รับทุกข์ทรมานและเจ็บปวดไปด้วยพิษนาคด้วย แต่ก็จำต้องอดทนเพื่อความสำเร็จจึง ต้องทนทำต่อไป แต่ก็ให้รู้สึกคิดแค้นพวกเทวดาอยู่ไม่หาย อสูรราหูจึงมุ่งมั่นที่จะเป็นอมตะให้ได้
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น